‘ออมสิน’ ผนึก ‘สถาบันวิจัยป๋วย’ เดินหน้าโครงการศึกษาพฤติกรรมการเงินคนไทยฐานราก คิกออฟครัวเรือนฐานราก 2 แสนรายภายใต้โครงการสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส ตั้งเป้าใช้ข้อมูลเปิดประตูระบบการเงินขยายโอกาสคนไทยเข้าถึงแหล่งทุนในระบบอย่างมีประสิทธิภาพ
28 พ.ย. 2568 – นายวิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวภายหลังพิธีลงนามความร่วมมือ โครงการศึกษาครัวเรือนฐานรากเพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ ระหว่าง ธนาคารออมสิน และ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ว่า โครงการนี้จะเป็นการศึกษาความเป็นอยู่ และพฤติกรรมทางการเงินของกลุ่มครัวเรือนฐานราก ซึ่งเป็นลูกหนี้ 2 แสนคนของธนาคารออมสิน ภายใต้โครงการสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส เพื่อนำไปสู่การต่อยอดองค์ความรู้จากการวิจัยในการพัฒนาระบบการเงินที่เหมาะสม ช่วยยกระดับเศรษฐกิจ และความเข้มแข็งทางการเงินของภาคครัวเรือนไทย
“การร่วมมือระหว่างธนาคารออมสิน กับสถาบันวิจัยป๋วยฯ จะทำให้เห็นว่า คน 2 แสนคน ที่ออมสินได้ปล่อยสินเชื่อไปแล้วนั้น เราสามารถช่วยเขาได้จริงหรือไม่ และต้องทำอย่างไรต่อ ทำให้สามารถออกนโยบายในระยะต่อไปในการดึงคนเข้าสู่ระบบได้ชัดเจนขึ้น ในอนาคตจะทำโครงการในลักษณะนี้ โดยสนับสนุนให้สถาบันการเงินอื่นเข้ามาช่วยดำเนินการ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบนโยบาย โดยหวังว่าจะสามารถช่วยเหลือคนที่ไม่เคยสามารถกู้เงินได้เลย หรือคนที่ต้องกู้เงินนอกระบบอย่างเดียว ให้สามารถเข้ามากู้เงินในระบบได้ ซึ่งจะช่วยสร้างอิมแพคให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ เป็นโครงการในระยะยาว ควบคู่กับสิ่งที่ทำมา คือ Your Data เพื่อเข้ามาช่วยสนับสนุนในการปล่อยสินเชื่อ” นายวิทัย กล่าว
นางลภาวรรณ จันทร์กระจ่าง รองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน รักษาการแทนผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังพบว่าครัวเรือนกว่า 30% ยังอยู่ในกลุ่ม Unserved และ Underserved โดยเป็นผู้มีรายได้น้อยและ/หรือรายได้ไม่แน่นอน ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบจากการขาดประวัติเครดิตทางการเงิน และกว่าครึ่งยังต้องพึ่งพาหนี้นอกระบบเพิ่มขึ้นและต้องเผชิญภาระดอกเบี้ยสูง ดังนั้น เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนบทบาทการส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ธนาคารจึงได้จัดตั้งสถาบันวิจัยเศรษฐกิจฐานรากขึ้นเป็นครั้งแรก และได้ร่วมมือกับสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เพื่อคิกออฟงานวิจัย “โครงการศึกษาครัวเรือนฐานรากเพื่อสร้างการเข้าถึงแหล่งเงินในระบบ”
โดยกำหนดกลุ่มเป้าหมายของการศึกษาเป็นผู้เข้าร่วมโครงการสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส ที่ธนาคารได้ดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี 2568 เพื่อปล่อยสินเชื่อแก่ผู้ที่มีรายได้ แต่ไม่เคยมีประวัติเครดิตทางการเงิน หรือไม่เคยใช้บริการสินเชื่อในระบบสถาบันการเงินอย่างน้อย 2 ปี ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ของโครงการนี้มีลักษณะตัวตน หรือ Customer Persona ที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของงานศึกษาวิจัยครั้งนี้ ทั้งนี้ ธนาคารหวังว่าจะสามารถนำผลลัพธ์ของงานวิจัยไปออกแบบเครื่องมือทางการเงิน หรือมาตรการสินเชื่อที่ตรงจุด สามารถตอบโจทย์ความคาดหวัง และสร้างระบบการเงินที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งการพัฒนาที่ยั่งยืนตามเป้าหมาย SDGs และสอดคล้องตามบทบาทของธนาคารเพื่อสังคม
นางโสมรัศมิ์ จันทรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ เปิดเผยว่า ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นการศึกษาข้อมูลเชิงลึกของลูกหนี้ภายใต้โครงการสินเชื่อสร้างเครดิต สร้างโอกาส ของธนาคารออมสิน ซึ่งเป็นต้นแบบสินเชื่อดิจิทัลที่เปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้แต่ไม่เคยเข้าถึงสินเชื่อในระบบสามารถกู้เงินได้เป็นครั้งแรก โดยธนาคารออมสินได้ปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยคนไทยสร้างประวัติเครดิตทางการเงินไปแล้วกว่า 2 แสนราย ซึ่งการศึกษาครั้งนี้จึงมุ่งขยายประตูสู่ระบบการเงินให้กว้างขึ้น ผ่านการเก็บข้อมูลเชิงลึกของกลุ่มคนที่อยู่นอกระบบเป็นครั้งแรก ใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1. ปัญหาเศรษฐกิจการเงิน พฤติกรรมและความต้องการทางการเงิน 2. โมเดลผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ช่วยให้ลูกหนี้ชำระคืนได้จริง 3. การทดลองใช้ข้อมูลใหม่และข้อมูลทางเลือกเพื่อค้นหาตัวชี้วัดความเสี่ยงที่แม่นยำยิ่งขึ้นให้กับสถาบันการเงิน และ 4. การติดตามผลการเข้าถึงสินเชื่อต่อรายได้และคุณภาพชีวิตของลูกหนี้ตลอดระยะเวลา 1 ปี เพื่อนำไปใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสม
“ผลการศึกษาจะช่วยให้ธนาคารออมสินออกแบบผลิตภัณฑ์และกระบวนการพิจารณาสินเชื่อที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น สอดคล้องกับศักยภาพของลูกหนี้ และเพิ่มโอกาสในการชำระคืน ขณะเดียวกัน สถาบันฯ จะมีองค์ความรู้เชิงลึกเพื่อนำไปสนับสนุนนโยบาย Your Data และโครงการ Risk-Based Pricing ของ ธปท. ช่วยให้สถาบันการเงินประเมินความเสี่ยงได้โปร่งใส เป็นธรรม และเปิดโอกาสให้ประชาชนที่ “เคยถูกมองไม่เห็น” เข้าสู่ระบบการเงินได้มากขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนงานวิจัยให้เกิดผลจริงต่อประชาชนฐานราก เสริมรากฐานระบบการเงินที่เข้าถึงง่าย ยั่งยืน และช่วยยกระดับศักยภาพและคุณภาพชีวิตของครัวเรือนไทยได้อย่างมั่นคงในระยะยาว” นางโสมรัศมิ์ กล่าว