ปี’68 เทรนด์ท่องเที่ยวเปลี่ยนทิศ แห่เที่ยวเมืองรองของจีน-ฉงชิ่งโตแรงสุด
GH News December 18, 2025 09:20 AM

Trip.com เปิดเทรนด์ท่องเที่ยวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2025 ชี้นักท่องเที่ยวเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมครั้งใหญ่ “จีน-มาเลเซีย-เกาหลีใต้” สุดฮอต คนไทยแห่เที่ยวสู่เมืองรองจีน เผย “ฉงชิ่ง” โตแรงพุ่งหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ โรงแรมสำหรับครอบครัวโตแรง ชี้นักเดินทางยุคใหม่เน้นหาประสบการณ์มากกว่าการเช็กอินสถานที่ อิทธิพล KOL ช่วยหนุนเที่ยวข้ามประเทศมากขึ้น

นายเอ็ดมันด์ ออง ผู้อำนวยการอาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia) และผู้จัดการทั่วไป ประเทศสิงคโปร์ Trip.com Group ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในงาน Trip.Best Roadshow : Southeast Asia Travel Trends Unpacked ว่าจากข้อมูลดังกล่าวพบว่านักท่องเที่ยวไทยมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ โดยหันมาสนใจท่องเที่ยวไปยังเมืองรองของจีนมากขึ้น พร้อมปรับสไตล์การท่องเที่ยวจากการท่องเที่ยวแบบเข้าชมสถานที่ ไปเป็นการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์แทน

เอ็ดมันด์ ออง
เอ็ดมันด์ ออง

ท่องเที่ยวเมืองรองจีนโตแรง

นายเอ็ดมันด์กล่าวว่า สำหรับตลาดท่องเที่ยวยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวยังเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 2025 ได้แก่ จีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ ฮ่องกง สิงคโปร์ ไทย ญี่ปุ่น ไต้หวัน อินโดนีเซีย และเวียดนาม โดยเฉพาะเมือง “ฉงชิ่ง” เมืองรองของประเทศจีน ที่นับว่าเป็นจุดหมายปลายทางที่เติบโตเร็วที่สุด มีการเติบโต 359% (YOY) เซี่ยงไฮ้เพิ่มขึ้น 278% ฮ่องกงเพิ่มขึ้น 74% โตเกียวเพิ่มขึ้น 88% กว่างโจวเพิ่มขึ้น 236% โอซากาเพิ่มขึ้น 144% เฉิงตูเพิ่มขึ้น 315% เป็นต้น

“เมืองฉงชิ่งเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย มียอดเข้าชม 395% มียอดบุ๊กกิ้ง 828% มาเลเซีย มียอดเข้าชม 448% มียอดบุ๊กกิ้ง 599% และสิงคโปร์ มียอดเข้าชม 299% มียอดบุ๊กกิ้ง 381%”

ด้านประเทศสิงคโปร์พบว่า 10 จุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักเดินทางขาออกของสิงคโปร์ มีการเดินทางไปยังจีนต่อเนื่อง ด้วยความนิยมบน Trip.Best จำนวนผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยอันดับแรกคือ ฉงชิ่งเพิ่มขึ้น 299% กว่างโจวเพิ่มขึ้น 234% เซี่ยงไฮ้เพิ่มขึ้น 185% กรุงเทพฯเพิ่มขึ้น 62% ยะโฮร์บาห์รูเพิ่มขึ้น 30% กัวลาลัมเปอร์เพิ่มขึ้น 531% ฮ่องกงเพิ่มขึ้น 72% และโซลเพิ่มขึ้น 54%

ประเทศมาเลเซียพบว่า 10 จุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักเดินทางขาออกของมาเลเซีย จาก Trip.Best ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ 236%, กรุงเทพฯ 92%, สิงคโปร์ 138%, กว่างโจว 244%, เฉิงตู 284%, ฮ่องกง 162%, ภูเก็ต 105%, ปักกิ่ง 214%, ฉงชิ่ง 448% และโตเกียว 221%

ส่วน 10 จุดหมายปลายทางยอดนิยมในประเทศไทยพบว่า ประเทศจีนได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวไทยสูงขึ้นอย่างชัดเจน โดยเซี่ยงไฮ้ครองอันดับ 1 ด้วยการเติบโต 334% ตามด้วยฮ่องกงเพิ่มขึ้น 52% โตเกียวเพิ่มขึ้น 71% โอซากาเพิ่มขึ้น 132% สิงคโปร์เพิ่มขึ้น 109% เฉิงตูเพิ่มขึ้น 427% ปักกิ่งเพิ่มขึ้น 252% กว่างโจวเพิ่มขึ้น 209% เวียดนามเพิ่มขึ้น 68% และฉงชิ่งเพิ่มขึ้น 395%

Trip.com

โรงแรมสำหรับครอบครัวสุดฮอต

อย่างไรก็ตาม ความนิยม (UV Share) ด้านประเภทโรงแรม 3 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์ พบว่าโรงแรมสำหรับครอบครัว (Family-Friendly Hotel) เป็นประเภทที่ได้รับความนิยมสูงสุดอันดับ 1 ของภูมิภาค ดังนี้ 1.สิงคโปร์ ประเภทโรงแรมยอดนิยมอันดับ 1 คือ โรงแรมสำหรับครอบครัว มีส่วนแบ่งรวมของ UV 9.08% อันดับ 2 โรงแรมเชิงวัฒนธรรม มีส่วนแบ่ง UV 3.65% และอันดับ 3 บ้านพักตากอากาศ มีส่วนแบ่ง UV 4.36%

2.ประเทศไทย ประเภทโรงแรมยอดนิยมอันดับ 1 คือ โรงแรมสำหรับครอบครัว มีส่วนแบ่งรวมของ UV 10.31% อันดับ 2 โรงแรมถ่ายรูปลง Instagram ได้ มีส่วนแบ่ง 7.2% และอันดับ 3 โรงแรมระดับกูร์เมต์ มีส่วนแบ่ง UV 2.06%

และ 3.ประเทศมาเลเซีย ประเภทโรงแรมยอดนิยมอันดับ 1 คือ โรงแรมสำหรับครอบครัว มีส่วนแบ่งรวมของ UV 11.59% อันดับที่ 2 โรงแรมซีนิค มีส่วนแบ่ง 8.06% และอันดับ 3 โรงแรมถ่ายรูปลง Instagram ได้ มีส่วนแบ่ง 8%

คนไทยแห่บินเที่ยว “ฉงชิ่ง”

นายเอ็ดมันด์กล่าวอีกว่า ในปี 2568 เมืองฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นจุดหมายปลายทางที่เติบโตเร็วที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวไทย โดยยอดการเข้าชมบน Trip.Best เพิ่มขึ้นถึง 395% เมื่อเทียบกับปีก่อน และยอดจองพุ่งสูงถึง 828% ด้วยเอกลักษณ์ความเป็นเมืองบนภูเขา อาหารรสจัดจ้าน เช่น หม้อไฟและก๋วยเตี๋ยวฉงชิ่ง มีความคล้ายคลึงกับอาหารเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยซึ่งรสชาติเผ็ดร้อนก็เป็นที่นิยมเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง ถ้ำหงหยา การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมปาซู สวนสัตว์ฉงชิ่ง (แพนด้ายักษ์) ละครเพลงฉงชิ่ง 1949 เมืองโบราณฉือฉีโข่ว หรือสถานีรถไฟหลี่จื่อปา รถไฟฟ้ารางเบาที่วิ่งผ่านอาคาร ที่กลายเป็นอีกหนึ่งปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไทยที่ต้องการหาประสบการณ์แปลกใหม่

“ชาวไทยใช้เวลาเฉลี่ย 6 วัน ในการค้นคว้าข้อมูลก่อนตัดสินใจจองการเดินทาง สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการประสบการณ์ที่วางแผนมาอย่างดี เมื่อเทียบกับผู้ใช้งานจากประเทศอื่น ๆ นักท่องเที่ยวไทยกำลังให้คำนิยามใหม่สำหรับการท่องเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากการเที่ยวชมสถานที่แบบเดิม ๆ มาสู่การดื่มด่ำและมีส่วนร่วมกับวัฒนธรรมมากขึ้น” นายเอ็ดมันด์กล่าว และว่า

สำหรับการท่องเที่ยวในปัจจุบันพบว่าประสบการณ์สำคัญกว่าการชมสถานที่ การค้นหา “กิจกรรม” เติบโต 808% YOY โดย “สถานที่หลบร้อน (Cool Escape Attractions)” พุ่งสูงถึง 1,941% รวมถึงการท่องเที่ยวในประเทศที่เติบโต 25% YOY โดยมีกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และภูเก็ต เติบโตสูงสุดตามลำดับ

KOL หนุน Trip.Best พุ่ง

นายเอ็ดมันด์กล่าวด้วยว่า ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับพฤติกรรมดิจิทัลของไทยที่ผู้บริโภคกว่า 95% ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ผ่านคำแนะนำของอินฟลูเอนเซอร์ โดยจากข้อมูล Trip.Best พบว่า กว่า 47% ของผู้ใช้งานแบบครอบครัวเลือกติดตามอินฟลูเอนเซอร์ท่องเที่ยวที่แชร์ประสบการณ์จริง

และกว่า 45% ของนักท่องเที่ยวที่สำรวจในปี 2568 ค้นหาไอเดียทริปเดินทางล่าสุดจากโพสต์โซเชียลมีเดียของบรรดา KOL ไทย เพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับปี 2567 ทำให้ยอดสั่งซื้อโดยตรงผ่านรหัสโปรโมชั่นของ KOL เพิ่มขึ้นสูงถึง 120%

อย่างไรก็ดี แพลตฟอร์ม Trip.Best ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมในไทย โดยคะแนนความพึงพอใจสุทธิ (NPS) โดยรวมเพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับปีก่อน ผู้ใช้งานชาวไทยให้ความสำคัญต่อความน่าเชื่อถือและการคัดสรรอย่างมืออาชีพของแพลตฟอร์มมากเป็นพิเศษ

“นักท่องเที่ยวไทยแสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมการวางแผนท่องเที่ยวที่ละเอียดและซับซ้อน โดยให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่สมดุลระหว่างการผจญภัยและความสะดวกสบาย ด้วยระบบแนะนำด้วย AI และข้อมูลเรียลไทม์ของ Trip.Best ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงของนักเดินทางยุคใหม่โดยเฉพาะ” นายเอ็ดมันด์กล่าว

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.