“ซีเกมส์” ที่ประสบความสำเร็จ กับ เป้าหมายที่แท้จริงของทัพนักกีฬาไทย
GH News December 23, 2025 10:13 PM
ประเทศไทย เคยเป็นเจ้าเหรียญทองซีเกมส์ 13 ครั้ง โดยครั้งที่ได้เหรียญทองมากที่สุด คือ ซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ในปี 2007 ที่ไทย เป็นเจ้าภาพ ซึ่งคว้าเหรียญทองสูงสุด 183 เหรียญ

แต่ประเทศที่สามารถคว้าเหรียญทองมาครองได้มากที่สุดในซีเกมส์ครั้งเดียวคือ เวียดนาม ซึ่งโกยไปถึง 205 เหรียญทอง ในซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่บ้านตัวเอง ปี 2021

ซีเกมส์ครั้งที่ 33 ในบ้านเรา มีการชิงชัยกันทั้งสิ้น 574 เหรียญทอง โดย ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่ากกท. เผยว่า ตั้งเป้าเอาไว้ที่ 241 เหรียญทอง

ตอนนี้ เหลืออีกแค่ไม่กี่วันจะจบการแข่งขัน ประเทศไทยคว้าไปแล้ว 163 เหรียญทอง (อัพเดตถึงวันที่ 17 ธ.ค. 68 เวลา 15.00 น.) ห่างจากเป้าอีกเกือบ 80 เหรียญ

ต้องยอมรับ โอกาสไปถึงเป้าหมายค่อนข้างยาก แต่แม้ว่าจะไปไม่ถึง ก็ไม่ได้หมายความว่า ทัพนักกีฬาไทย ล้มเหลว เนื่องจากจำนวนเหรียญทองไม่ได้สะท้อนถึงศักยภาพทุกอย่างเสมอไป

อีกอย่างคือ การตั้งเป้าคว้าถึง 241 เหรียญทอง จากทั้งหมด 574 เหรียญนั้น ถือเป็นเป้าหมายที่สูงมาก และเป็นไปได้ค่อนข้างยากอยู่แล้ว ต้องให้ทุกอย่างเข้าทางเราจริงๆเท่านั้น จึงมีโอกาสทำได้

ถ้าจะต้องวัดกันที่จำนวนเหรียญทองจริงๆ ไทย จึงน่าจะไปเปรียบเทียบกับ เวียดนาม ตอนที่ได้เหรียญทองมากที่สุด 205 เหรียญ ในปี 2021 มากกว่า

ซึ่งถ้าเป้าหมายคือการทำลายกำแพง 205 เหรียญทองของ เวียดนาม นั้น มีโอกาสสูงทีเดียวที่ทัพนักกีฬาไทยจะทำได้ เพราะยังเหลือเหรียญทองให้โกยอีกมากมายในช่วงโค้งสุดท้าย

อย่างที่ ดร.ก้องศักด เคยให้สัมภาษณ์อย่างมั่นใจ เมื่อถูกถามว่าจะทุบสถิติ 205 เหรียญทองของ เวียดนาม ได้หรือไม่ ว่า “ผมมั่นใจ” และยังเชื่อว่าทัพไทยจะ “ทำได้มากกว่านั้น”

อย่างไรก็ตาม อย่างที่บอกว่า จำนวนเหรียญทองนั้น อาจจะไม่ได้วัดศักยภาพที่แท้จริงเสมอไป

ถ้าหากจะต้องหาอะไรมาวัดจริงๆ เราควรจะดู ความสำเร็จในกีฬาสากล การพัฒนาต่อยอดนักกีฬา และการสร้างนักกีฬาดาวรุ่งรุ่นใหม่ขึ้นมาประดับวงการมากกว่า

และคราวนี้ ถือว่า ไทย ทำได้ดี

โดยเฉพาะพระเอกของซีเกมส์ครั้งนี้อย่าง “บิว” ภูริพล บุญสอน ที่ทุบสถิติวิ่ง 100 เมตรได้ “ต่ำสิบ” หลังกดไปแค่ 9.94 วินาที พร้อมกับคว้าเหรียญทองครบทั้ง 3 ประเภทที่ลงแข่งขัน ทั้ง 100, 200 และ 4×100 เมตรชาย

ขณะที่ทัพกรีฑา ก็ช่วยกันโกยไปทั้งหมดถึง 13 เหรียญทอง เกินเป้าที่ตั้งไว้ด้วยซ้ำ เช่นเดียวกับ เทควันโด ที่เหมาเรียบหมดทั้ง 10 เหรียญทอง

กีฬามหาชนอย่าง วอลเลย์บอลหญิง สาวไทยยังทำผลงานได้ตามเป้า แม้รอบชิงชนะเลิศจะต้องลุ้นเหนื่อยกับ เวียดนาม แต่ก็คว้าแชมป์สมัยที่ 17 และสมัยที่ 15 ติดต่อกันมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่

ขณะที่แบดมินตัน วางเป้าไว้ 2 เหรียญทอง ก็ทำได้ตามเป้า โดยเฉพาะ “เมย์ รัชนก” รัชนก อินทนนท์ ที่คว้าทองหญิงเดี่ยวซีเกมส์ได้สำเร็จ

หรือยกน้ำหนัก ก็ยังเดินหน้าโกยเหรียญทองต่อเนื่อง และมีนักกีฬาไทยทำผลงานสุดยอดถึงขั้นทำลายสถิติโลกได้ด้วยซ้ำ

กีฬาที่ก่อนหน้านี้อาจจะไม่เป็นที่นิยมนักในบ้านเราอย่าง รักบี้ ก็เหมาคว้าเหรียญทองทั้งชาย และหญิง

ส่วน เบสบอล ถึงสนามใหญ่ จะแพ้ ฟิลิปปินส์ ที่เป็นเจ้า แต่เราก็ได้ถึง 2 เหรียญทองจากเบสบอล 5 คน ซึ่งทำให้สมาคมฯทำผลงานได้ตามเป้า

และที่แจ้งเกิดเต็มตัวคือการทำสถิติเป็นนักกีฬาอายุน้อยที่สุดของไทยที่ได้เหรียญทองก็คือ “น้องมินิ” เด็กหญิง จันทร์เก้า อุดมเพ็ญ อายุแค่ 10 ขวบ ที่คว้าทองในกีฬาสเก็ตบอร์ด

เป็นที่น่าเสียดายสำหรับกีฬา เซปักตะกร้อ ทีมชุดชาย ที่สร้างความตกตะลึง เมื่อพ่ายต่อ มาเลเซีย ในรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เสียแชมป์ครั้งแรก ในรอบ 34 ปี

ส่วนฟุตบอลชาย กำลังจะชิงชนะเลิศ และฟุตซอลชาย ก็ยังมีลุ้น แต่ทีมหญิง พลาดเป้าทั้ง ฟุตบอล และฟุตซอล จึงอาจจะบอกได้ว่าเป็นอีกสมาคมที่ผลงานต่ำกว่าเป้า

แต่โดยรวมแล้ว การรวมใจกันต่อสู้ของทุกภาคส่วน ทั้งนักกีฬา, สต๊าฟโค้ช, ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด และโดยเฉพาะ การกีฬาแห่งประเทศไทย ที่เป็นหัวแรงใหญ่ จนสร้างผลงานได้ขนาดนี้ ก็ต้องบอกว่าน่าพอใจ และประสบความสำเร็จ

เพราะทำให้คนไทยได้กลับมามีรอยยิ้ม และมีความสุขกับการเชียร์กีฬากันอีกครั้ง แม้กำลังเจอปัญหารุมเร้าอยู่มากมายก็ตาม.

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.