ทูตจีนเรียกค่ายรถจีนเร่งสางปัญหาถล่มสงครามราคากระทบภาพลักษณ์และความเชื่อมั่น ผู้ประกอบการชี้บริษัทแม่ใช้นโยบายยัดสต๊อกหวังใช้ไทยเป็นที่ระบาย ชี้หากยืดเยื้อสุดท้ายตลาดพัง เตือนโรงงานในไทยต้องผลิตเพื่อใช้คืนทั้งอีวี 3.0-อีวี 3.5 หวั่นเร็ว ๆ นี้โอเวอร์ซัพพลายแน่นอน

แหล่งข่าวระดับบริหารจากค่ายรถยนต์สัญชาติจีนเปิดเผยกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ผู้บริหารและตัวแทนจากค่ายรถยนต์สัญชาติจีนที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ได้เข้าร่วมหารือกับสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เพื่อร่วมกันหารือ รวมทั้งรับฟังปัญหา และแนวทางการสื่อสารเพื่อดำเนินธุรกิจในประเทศไทย หลังจากช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ปัญหาผู้ประกอบการค่ายรถจีนหลายค่ายเลือกใช้วิธีการทำตลาดด้วยการทำสงครามราคากันค่อนข้างรุนแรง ซึ่งการหารือครั้งนี้เพื่อให้การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยของค่ายรถจีนมีความยั่งยืนมากขึ้น

“ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าตลาดรถยนต์ โดยเฉพาะกลุ่มรถอีวีจีนมีความวุ่นวายพอสมควร เนื่องจากผู้ประกอบการแข่งกันลดราคาขายรุนแรง ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของอุตสาหกรรมอย่างมาก รากของปัญหานี้มาจากแนวทางการสนับสนุนส่งเสริมรถอีวีทำให้มีผู้เล่นจำนวนมาก ประกอบกับบริษัทแม่ที่จีนใช้นโยบายยัดสต๊อกหวังใช้ไทยเป็นที่ระบายสินค้า ทำให้ผู้ประกอบการต้องแข่งขันกันหนักมาก และหากจะระบายสต๊อกให้เร็ว ทางออกคือการปรับลดราคาขาย”

แหล่งข่าวกล่าวว่า อีกประเด็นคือผู้ประกอบการที่เข้าร่วมมาตรการอีวี 3.0 และอีวี 3.5 ตอนนี้ต้องเริ่มผลิตชดเชยตามอัตราส่วนที่ตกลงกันไว้ (EV 3.0 ปี 2567 อัตรา 1.1 ปี 2568 อัตรา 1.1.5) เผอิญว่าตลาดรถยนต์ตอนนี้สถานการณ์โดยรวมทรุดหนักมาก จากกำลังซื้ออ่อนแอและความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงิน ทำให้ตลาดในประเทศหดตัวอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ขณะที่ตลาดส่งออกก็มีปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ ซึ่งคาดว่าภาวะสงครามราคาอาจจะยืดเยื้อไปจนถึงสิ้นปี หรืออาจนานกว่านั้น ซึ่งเป็นปัญหาที่ต้องเร่งหาทางแก้ไข

“ปัญหายังมีตามมาอีกเพียบ โดยเฉพาะปลายปีนี้จะมีแบรนด์ใหม่จากจีนเข้ามาทำตลาดเพิ่มเติม ขณะที่ดีลเลอร์เองกำไรจากการขายรถก็หดหายลงไปเยอะ เพราะสงครามราคา ตอนนี้อยู่ที่ว่าสายป่านใครจะยาวกว่ากัน เพราะการทำธุรกิจแล้วทุกคนขาดทุนก็จะอยู่ได้ไม่นาน”

ขณะที่แหล่งข่าวอีกรายหนึ่งได้เปิดเผยว่า จากการร่วมหารือครั้งนี้ ผู้ประกอบการค่ายรถจีนและสถานทูตจีนได้ร่วมกันถกในหลายประเด็น โดยเฉพาะแนวทางการทำตลาดในประเทศไทยระยะยาว เพื่อให้เกิดการแข่งขันอย่างเหมาะสมที่สุด และไม่ทำสงครามราคา เพื่อสร้างความมั่นใจและความยั่งยืนในการทำตลาด

โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่เสนอแนวทางสะท้อนกลับไปยังสถานทูตและรัฐบาลจีน เพื่อกำชับไปยังบริษัทแม่ของแต่ละค่าย ถึงนโยบายการทำสงครามราคาและการระบายสต๊อกรถยนต์ที่ผลิตแล้วมายังประเทศไทย เพราะท้ายที่สุดแล้วทุกค่ายจะต้องมาแข่งกันลดราคาจำหน่าย ซึ่งไม่ใช่แนวทางการทำธุรกิจที่ยั่งยืน และผู้ประกอบการไม่ต้องการให้ซ้ำรอยกับตลาดรถอีวีในจีน ที่ถล่มราคาขายกันจนตลาดเกิดความบิดเบี้ยวจากปัญหาโอเวอร์ซัพพลายนั่นเอง

ทั้งนี้ สำหรับค่ายรถยนต์ที่เข้าร่วมหารือกับสถานทูตจีนครั้งนี้ ได้แก่ เอ็มจี, เกรท วอลล์ มอเตอร์, เนต้า, บีวายดี, ฉางอาน, ไอออน, โอโมด้า แอนด์ เจคู และซีกเกอร์