เผ่าภูมิ ชี้นโยบายดอกเบี้ยไทย ต้องสอดคล้อง ศก.โลก ให้อิสระ ธปท.กำหนด
PUM Online September 20, 2024 07:24 PM

เผ่าภูมิ รมช.คลัง เผยนโยบายดอกเบี้ยทั่วโลกเข้าสู่ช่วงขาลง มองดอกเบี้ยไทย ควรขยับให้สอดคล้องทิศทางการเงินโลก

วันที่ 19 กันยายน 2567 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงลง 0.5% จาก 5.30% ต่อปี เหลือ 4.80% ต่อปี โดยเป็นการปรับลดครั้งใหญ่ในรอบกว่า 4 ปี ว่าแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยนโยบายโลกอยู่ในทิศทางขาลง ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเกิดขึ้นในทุกภาคส่วนของวงจรเศรษฐกิจโลก

สำหรับแนวโน้มดอกเบี้ยของไทย จึงต้องมีการที่จะทําให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยสอดคล้องและเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงทิศทางของนโยบายเศรษฐกิจโลกด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโนบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีอิสระในเรื่องของการที่จะกําหนดทิศทางดอกเบี้ย หากถามว่าจำเป็นจะต้องมีการพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูล ข้อคิดเห็นกันระหว่างกระทรวงการคลัง กับ ธปท.หรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่า มีความจำเป็นที่จะต้องมีการพูดคุยกันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่จะได้ผลลัพธ์ในเรื่องอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เหมาะสมที่สุด

“ต้องมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกันระหว่างคลัง ที่ดูนโยบายการคลัง และ ธปท. ที่ดูแลเรื่องนโยบายการเงิน โดยปัจจุบันแม้เราเห็นเศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มที่ดูดีขึ้นในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะเรื่องของภาคการผลิต ซึ่งเราเริ่มเห็นสัญญาณบวกขึ้นบ้าง จากที่เคยติดลบหนักมาเป็นเวลาหลายเดือน ภาคการบริโภคก็อยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ แต่สิ่งที่เราอยากเห็นก็คือ โมเมนตัมทางเศรษฐกิจในการที่จะช่วยผลักแรงส่งทางเศรษฐกิจนะครับ สอดคล้องกันระหว่างนโยบายทางการ” นายเผ่าภูมิกล่าว

อย่างไรก็ดี ในส่วนของนโยบายการคลังนั้น ในช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้ ได้เตรียมอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วงเงิน 1.45 แสนล้านบาท สำหรับกลุ่มเปราะบาง 14.5 ล้านคน ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งหมายถึงว่าเมื่อเม็ดเงินลงไปก็จะมีแรงส่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่หากแรงส่งในส่วนนี้สามารถผสานกันระหว่างนโยบายการเงินเข้ามาร่วมด้วย ก็จะเป็นสิ่งที่ดีมาก

เพราะแม้ตัวเลขของภาคการผลิตจะฟื้นดีขึ้น แต่ก็ยังมีตัวเลขของเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจอื่น ๆ ที่ยังน่ากังวลอยู่ โดยเฉพาะเรื่องอัตราเงินเฟ้อ ที่ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ ยังไม่เข้ากรอบ และเงินเฟ้อยังไม่ทำหน้าที่เป็นกลไกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ดีพอ

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างการติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจในหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะจุดที่น่าเป็นห่วงในระบบ โดยเฉพาะสถานการณ์สินเชื่อที่ยังชะลอตัว ซึ่งที่ผ่านมากระทรวงการคลังพยายามทำงานอย่างเต็มที่ ผ่านกลไกของสถาบันการเงินของรัฐในการเร่งปล่อยสินเชื่อ เร่งเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ แต่ในส่วนของธนาคารพาณิชย์นั้น อาจจะยังเห็นเรื่องนี้น้อยอยู่ โดยเฉพาะสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับเอสเอ็มอี

“มีความจำเป็นที่จะต้องพูดคุยและหารือกันต่อไปเกี่ยวกับเรื่องภาวะสินเชื่อในปัจจุบันที่ยังชะลอตัว โดยเฉพาะในธนาคารพาณิชย์ ซึ่งคลังเองไม่ได้มีอำนาจโดยตรงในการกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ ดังนั้นเรื่องแบบนี้จึงจำเป็นและสามารถที่จะพูดคุยเพื่อหาจุดลงตัวร่วมกันได้ ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ประสานกับ ธปท. และแบงก์พาณิชย์เรื่อย ๆ อยู่แล้ว

ขณะเดียวกันคลังเองก็พยายามสร้างกลไกเพิ่มเติมในการเข้าไปเพื่อสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น รับความเสี่ยงได้มากขึ้น ผ่านกลไกของโครงการ PGS 11 ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) และกำลังจะมีการค้ำประกันสินเชื่อในรูปแบบใหม่ ๆ ออกมา แต่ส่วนนี้ต้องใช้เวลา เพราะกำลังแก้ไขกฎหมาย และจัดทำรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอยู่” นายเผ่าภูมิกล่าว

นายเผ่าภูมิกล่าวอีกว่า เบื้องต้นคาดว่าคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ น่าจะมีการประชุมในเร็ว ๆ นี้ โดยบทบาทของคณะกรรมการชุดดังกล่าว คือ พิจารณาภาพรวมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศทั้งหมด ไม่เพียงแค่โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเลตเท่านั้น แต่จะดูว่าควรจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบไหน ในช่วงเวลาไหน ด้วยปริมาณเงินเท่าไหร่ และด้วยวิธีการอะไร ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถชี้แจงรายละเอียดได้ คงต้องรอให้มีการประชุมก่อน

© Copyright @2024 LIDEA. All Rights Reserved.