นายกฯคิกออฟโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ "ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส" ให้ผู้ประกอบการ ประชาชน กลับมาคึกคักอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 67 ที่ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานงานแถลงข่าว Kick Off เปิดตัว "โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ" โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ พร้อมด้วยหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ย้ำรัฐบาลให้ความสำคัญกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อเดือนที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยถูกกระตุ้นครั้งใหญ่ในโครงการเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ เป็นการสร้างการหมุนเวียนของเงิน สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในภาพใหญ่ให้พี่น้องประชาชนที่กำลังเดือดร้อน ผ่านกลุ่มเปราะบาง ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและ คนพิการ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมากประชาชนได้ตั้งตัวใหม่จากโครงการนี้ และนำไปใช้จ่ายในครัวเรือน ทำให้พี่น้องประชาชนหลายคนมีโอกาสสร้างชีวิตใหม่ และยังพบว่าเมื่อรวมกันหลายคน ในครอบครัวยังสามารถนำไปลงทุนทำมาค้าขาย สร้างหรือต่อยอดธุรกิจพร้อมรับโอกาสดี ๆ ที่จะเข้ามา
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง โครงการพื้นฟูเศรษฐกิจ เป็นสิ่งที่สำคัญ วันนี้จะรับไม้ต่อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้โครงการเงินหมื่นฟื้นเศรษฐกิจ เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและคุ้มค่าภาษีมากที่สุด โดยในรอบนี้จะเน้นไปที่ผู้ประกอบการรายเล็กซึ่งถือเป็น 90 ปอร์เซ็นต์ของผู้ประกอบการทั้งหมด เป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อ "ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส" มีระยะเวลาทั้งสิ้น 5 เดือน ได้ดำเนินการไปแล้วตั้งแต่เดือนกันยายนและยาวไปจนถึงมกราคมปีหน้า รายละเอียดโครงการ ดังนี้
ส่วนที่ 1 การลดต้นทุนให้ผู้ประกอบการรายเล็ก
การลดค่าเช่าร้านค้า /ค่าเช่าแผง ในพื้นที่หน่วยงานราชการและพื้นที่เอกชนที่เข้าร่วม อย่างเช่น ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และขอขอบคุณนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่สามารถขอความร่วมมือในการลดค่าเช่า ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ใน 12 ตลาดใหญ่ ที่ กทม. รับผิดชอบ มีพ่อค้าแม่ค้าประมาณ 11,000 ราย ที่ได้ลดค่าเช่าถึงสิ้นปีนี้ รวมถึงพื้นที่ของกระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานราชการมีการยกเว้นค่าเช่าให้ผู้ประกอบการกว่า 3,000 ราย ค่าเช่าพื้นที่การขายถือเป็นต้นทุนสำคัญสำหรับผู้ประกอบการ การลดต้นทุนการลดค่าขนส่งสินค้าซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างไปรษณีย์ไทยกับหน่วยงานราชการ ให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ หอการค้าไทย และสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดลางและขนาดย่อม ได้ลดค่าขนส่งสินค้า
ส่วนที่ 2 การเพิ่มพื้นที่ค้าขายให้ผู้ประกอบการรายเล็ก
โดยการสนับสนุนพื้นที่จากหน่วยงานราชการ และพื้นที่ของเอกชน ให้ผู้ประกอบรายเล็กมีช่องทางทำมาค้าขายเพิ่มขึ้น ซึ่งมีหลายหน่วยงานให้ความร่วมมือ เช่น กระทรวงกลาโหมได้นำพื้นที่ค่ายทหารมาทำเป็นตลาดนัด กระทรวงมหาดไทยในการใช้ลานหน้าศาลากลางจังหวัด รวมไปถึงมีการจัดตลาดพาณิชย์กว่า 1,300 ครั้ง ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย เป็นต้น
ส่วนที่ 3 การลดค่าครองชีพให้ประชาชน
ด้วยการจับมือผู้ผลิตและผู้ค้าส่งรายใหญ่เพื่อลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค และจัดงานมหกรรมลดราคาสินค้า โดยมีภาคเอกชนทั้งผู้ผลิตรายใหญ่ ห้างสรรพสินค้า ผู้ให้บริการในปั๊มน้ำมันและแพลตฟอร์มค้าขายออนไลน์รวม 130 ราย มีร้านสาขาย่อยกว่าแสนสาขาครอบคลุมทั้งประเทศ ให้ความร่วมมือในการลดราคาสินค้าในโครงการนี้
นายกรัฐมนตรีระบุ รัฐบาลคาดการณ์ว่าจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากถึง 110,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของการผนึกกำลังกันอย่างเข้มแข็งของทุกฝ่าย เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ โดยภาครัฐเป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบาย ส่วนภาคเอกชนมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินงานให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม รัฐบาลยังจะทำงานอย่างมุ่งมั่น เพื่อฟื้นฟูเศรฐกิจไทยให้กลับมาเดินหน้าได้อย่างเต็มกำลัง โดยมีแผนทั้งในระยะสั้นและระยะยาว พร้อมทั้งฝากพี่น้องประชาชนติดตามการดำเนินโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหลายนโยบายที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต ขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้การสนับสนุนโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจนี้ เราจะทำงานร่วมกัน เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างเข้มแข็ง และสร้างอนาคตที่ดีกว่าให้กับคนไทยทุกคนไปด้วยกัน
จากนั้น นายกรัฐมนตรี และคณะผู้ร่วมงาน ทำพิธีเปิด วางป้ายโครงการฯ ลงบนแท่น และนายกรัฐมนตรี VDO Call พูดคุยแลกเปลี่ยน และรับชมถ่ายทอดบรรยากาศกิจกรรมฟื้นฟูจากสถานที่จริงในทุกภูมิภาค 5 แห่ง ผ่านโปรแกรมระบบ Zoom จ.ขอนแก่น จ.ลพบุรี จ.อุดรธานี จ.ภูเก็ต และจ.เชียงราย โดยนายกรัฐมนตรีได้สอบถามตัวแทน และแสดงความยินดีที่ได้ยินว่าโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจได้สร้างประโยชน์ให้แก่พี่น้องประชาชน ซึ่งตัวแทนจ.ขอนแก่น ผู้ประกอบการ SME ได้นำเสนออัตลักษณ์ของขอนแก่น โดยผู้ประกอบการได้พูดคุยและเชิญชวนนายก ฯ ให้มารับประทานไก่ย่างเขาสวนกวาง และขอบคุณที่สร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายเล็ก โดยนายกฯ กล่าวว่า ถ้ามีโอกาสจะไปรับประทาน เพราะสมัยเด็ก ได้รับประทานในระหว่างลงพื้นที่กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากนั้น นายกรัฐมนตรี ฝากตัวแทน จ.ลพบุรี ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับรู้ว่ารัฐบาลมีโครงการดีๆ ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมกันนี้ยังมี ตัวแทนจ.อุดรธานี กล่าวว่าพร้อมที่จะขับเคลื่อนโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างมาก ขอบคุณรัฐบาลที่ได้จัดโครงการนี้ขึ้นมา และให้ความสำคัญกับท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง ส่วนของตัวแทนจาก จ.ภูเก็ต กล่าวว่าพร้อมที่จะขับเคลื่อนโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและได้ประสานเครือข่ายภาคเอกชน โครงการวันนี้ประชาชนที่ให้ความสนใจและตอบรับเป็นจำนวนมาก ขอบคุณภาครัฐที่ช่วยลดค่าของชีพให้กับประชาชน มั่นใจว่าโครงการนี้จะช่วยให้เศรษฐกิจของจ.ภูเก็ตคึกคักอย่างแน่นอน
ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมนิทรรศการ 13 บูธ อาทิ บิ๊กซี ยูนิลีเวอร์ บริษัทในเครือปตท. SeaValue Thai union OSOTSPA Central retail