วันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 นายสุนทร สุวรรณชาติ แพงไพรี บุตรบุญธรรมนายปรีชา สุวรรณชาติ เจ้าของที่ดินตลาดสุรนครเมืองใหม่ (ชื่อเดิม) ตลาดกลางผักและผลไม้ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ ริมทางหลวงหมายเลข 2 ถ.มิตรภาพ ตรงข้ามสถานีขนส่งผู้โดยสารนครราชสีมา แห่งที่ 2 ในฐานะผู้รับมอบอำนาจ ห้างหุ้นส่วนจำกัด (หจก.) โคราชอาสาคอนสตรัคชั่น เดินทางมาติดตามพร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับ ร.ต.อ.สุพัฒนชัย สมปราชญ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมือง นครราชสีมา กรณีเป็นผู้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษทายาทบางส่วนของตระกูลสุวรรณชาติ ที่เป็นผู้บริหารตลาดสุรนารี (ชื่อใหม่) ในข้อกล่าวหาร่วมกันโกงเจ้าหนี้ ทำเอกสารเท็จและใช้เอกสารเท็จตามกฎหมายและขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย,ระเบียบและวิธีการที่เกี่ยวข้องกับการสอบสวนในคดีความผิดฐานฟอกเงิน พร้อมแสดงหลักฐานเอกสารภาพถ่ายระบุไทม์ไลน์ของคดี รวมทั้งบัญชีทรัพย์ที่ถูกยักยอกและฉ้อโกง เบียดบังทรัพย์ระยะเวลาผ่านมา 3 ปี 9 เดือนรวมรายได้ 304,731,300 บาท
นายสุนทร เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากสำนักงานบังคับคดีจังหวัดนครราชสีมา ได้ทำหนังสืออายัดทรัพย์ ตามคำพิพากษาศาลจังหวัดนครราชสีมา คดีหมายเลขดำ พ 2734/2562 หมายเลขแดง พ 2151/2563 อายัดเงินในส่วนของนายปรีชา สุวรรณชาติ ที่มีสิทธิได้รับผลตอบแทนอันเป็นค่าเช่า แต่นายปรีชา นำมาชำระแค่เดือนละ 12,882 บาท ข้อเท็จจริงได้ด้ผลตอบแทนค่าเช่าเดือนละกว่า 7,000,000 บาท และทายาทผู้จัดการมรดกกลับเอาที่ดินที่เป็นของนายปรีชาฯ ไปให้เช่าช่วง ทั้งที่ทราบว่าที่ดินผืนนี้เป็นของนายปรีชาฯ ตามบันทึกวันที่ 10 มิถุนายน 2562 เชื่อมีเจตนาร่วมกันเพื่อไม่ให้นายปรีชาฯ ถูกบังคับชำระหนี้ ตามคำพิพากษาของศาล
นอกจากนี้นายปรีชาฯ กับพวก กระทำอันเป็น ความผิดฐานโกงเจ้าหนี้และยักยอกทรัพย์ในส่วนของนายปรีชาฯ เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาอื่น มีหน้าที่รวบรวมผลประโยชน์จากทรัพย์มรดกซึ่งเป็นรายได้ซึ่งเกิดขึ้นจากการใช้ที่ดินที่ผู้จัดการมรดกหรือทายาทของนายสนิท นางประกอบ สุวรรณชาติ ส่งมอบให้แก่เจ้าพนักงานบังคับคดีเพื่อนำไปชำระหนี้ให้แก่ตน และเป็นส่วนของนายปรีชาฯ จะต้องชำระหนี้ให้กับตน ผู้เป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของนายปรีชาฯ ตามบันทึกข้อตกลงแบ่งปันทรัพย์มรดก ลงวันที่ 10 มิถุนายน 2562 ในที่ดินโฉนดเลขที่ 29386 ต.ในเมือง (ต.หมื่นไวย) อ.เมือง พร้อมสิ่งปลูกสร้าง และที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 68654 , 68655 และ 68656 ต.ในเมือง (ต.หมื่นไวย) อ.เมือง จว.นครราชสีมา ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนายปรีชาฯ (ลูกหนี้ตามคำพิพากษา) แต่ผู้ถูกกล่าวหาอื่นๆ เป็นทายาทกองมรดก กลับเบียดบังนำเงินหรือรายได้ดังกล่าวไปเป็นของตนหรือผู้อื่น โดยทุจริตอันเป็นการยักยอกทรัพย์ของผู้อื่นซึ่งคือตน ผู้มีสิทธิได้รับเงินดังกล่าว อันเป็นความผิดฐานยักยอก ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 อีกบทหนึ่ง ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นเป็นการกระทำที่มีการแบ่งทำและกระทำต่อเนื่องกันมาเป็นเวลายาวนาน พฤติการณ์จึงมีลักษณะกระทำความผิดซ้ำๆ อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามนัย มาตรา 3(18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 กรณีมีเหตุอัมควรเชื่อได้ว่า นายปรีชา ฯ กับพวกได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด