รัฐบาลไทย-จีน อัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว ประดิษฐานสนามหลวง เปิดให้ปชช.สักการะ 5 ธ.ค.วันแรก
GH News January 03, 2025 02:00 AM

รัฐบาลไทย-จีน อัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว ประดิษฐานสนามหลวง เปิดให้ปชช.สักการะ 5 ธ.ค.วันแรก

ตามที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนได้เห็นชอบร่วมกันให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน มาประดิษฐานที่กรุงเทพมหานครเป็นการชั่วคราว เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และในโอกาสการครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ในปีพ.ศ.2568 โดยเปิดให้ประชาชนสักการะระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2567-14 กุมภาพันธ์ 2568 รวมเป็นเวลา 73 วัน ณ ท้องสนามหลวง และจะอัญเชิญกลับสาธารณรัฐประชาชนจีนในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 นั้น

เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 4 ธันวาคม ที่ ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 กองบัญชาการกองทัพอากาศ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครื่องบินพิเศษอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) นำโดยนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการประสานงานการดำเนินโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) พร้อมด้วยคณะสงฆ์ไทยนำโดยพระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม เดินทางถึงประเทศไทย โดยมีเจ้าหน้าที่กรมการศาสนา พร้อมด้วยกำลังพลของกองทัพอากาศเชิญเสลี่ยง อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ ลงจากเครื่องบิน  มีพระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสในฐานะหัวหน้าคณะสงฆ์ไทย และพระมหาเถระเหยี่ยนเจวี๋ย ประธานพุทธสมาคมจีน และเจ้าอาวาสวัดกว่างจี้  เดินนำขบวนอัญเชิญพร้อมด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมขบวนอัญเชิญ ผ่านกองทหารเกียรติยศ เข้าประตูห้องรับรอง กองบิน 6 ดอนเมือง จากนั้นพระสงฆ์ไทย จำนวน 10 รูป เจริญชัยมงคลคาถา

จากนั้น พระพรหมดิลก กรรมการมหาเถรสมาคมเจ้าอาวาสวัดสามพระยา ประธานสงฆ์ฝ่ายไทย และพระมหาเถระเหยี่ยนเจวี๋ย  ถวายพวงมาลัยสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ก่อนที่จะอัญเชิญไปประดิษฐานบนรถบุษบกอัญเชิญออกจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ไปยัง ใช้เส้นทางยกระดับอุตราภิมุข ขึ้นทางพิเศษศรีรัช ผ่านวัดไตรมิตร ถนนมิตรภาพไทย – จีน ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนเยาวราช และถนนมหาไชย ไปจนถึงลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ซึ่งได้มีการจัดตั้งริ้วขบวน จำนวน 24 ริ้ว อย่างงดงาม แต่ละขบวนใช้สัญลักษณ์สะท้อนถึงความเชื่อความศรัทธาในพระพุทธศาสนา ทั้งไทยและจีน ผสมผสานการแสดงศิลปวัฒนธรรมของทั้ง2ประเทศ มีผู้แทนหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนเข้าร่วมมากกว่า 2,700 คน

ตลอดสอง ข้างทาง มีประชาชารอกราบสักการะ พระบรมสารีริกธาตุขณะเคลื่อนริ้วขบวนด้วย ทั้งนี้ รถขบวนอัญเชิญ(พระเขี้ยวแก้ว) ตกแต่งด้วยอุดมคติทางความเชื่อในพระพุทธศาสนา เป็นการจำลอง “พระจุฬามณีเจดีย์” พระมหาธาตุเจดีย์องค์แรกในพุทธศาสนา ณ เขาพระสุเมรุ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นอกจากนี้ยังมีการจำลองบุษบกปราสาท รายล้อมบุษบกประธาน ทั้ง 4 ทิศ เป็นการสื่อถึงทวีปทั้ง 4 ที่อยู่รอบเขาพระสุเมรุ ขณะที่รอบขบวนรถรายล้อมไปด้วยบุปผชาติอันงดงาม เคลื่อนไปยัง มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ผ่านถนนราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินใน ถนนหน้าพระลาน เลี้ยวขวาเข้าถนนเส้นกลางท้องสนามหลวง

เมื่อเข้ามาภายในท้องสนามหลวงแล้ว ขบวนอัญเชิญ วนรอบมณฑป  1 รอบ จากนั้นเจ้าหน้าที่อัญเชิญพระสถูปพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ขึ้นประดิษฐานบนมณฑป โดยมีสมเด็จพระพุฒาจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี พร้อมนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
และผู้แทนฝ่ายจีน ถวายพวงมาลัยสักการะ และมีคณะสงฆ์ฝ่ายจีน เจริญพระพุทธมนต์ ร่วมกับคณะสงฆ์ฝ่ายไทย ต่อจากนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวรับพระบรมสารีริกธาตุ  จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย และถวายดอกไม้ธูปเทียนแพเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประธานสงฆ์ฝ่ายไทยให้ศีล และพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์

ต่อมา เวลา 19.00 น. สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก เสด็จถึง มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ถวายพวงมาลัยสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากนั้นจึงเสด็จกลับ

ในการนี้รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชนสักการะ พระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ได้ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2567 – 14 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 07.00 น. – 20.00 น. เจ้าหน้าที่ได้จัดเตรียมดอกไม้สักการะและโปสการ์ดพร้อมบทสวดบูชาพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) มอบให้ประชาชนที่เดินทางมาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) รวมเป็นเวลา 73 วัน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง และจะอัญเชิญกลับในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568

นอกจากนี้ ภายในท้องสนามหลวง จะมีการจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และมีการจัดกิจกรรมทุกวัน ได้แก่ พิธีเจริญพระพุทธมนต์ช่วงเช้า เวลา 10.00 น. – 12.00 น. และช่วงเย็น เวลา 15.30 น. เป็นต้นไป และพิธีเจริญจิตตภาวนา ในทุกวันพระมีพิธีแสดงธรรมเทศนา 1 กันต์ (ในภาคเช้า)

โอกาสสำคัญในระยะเวลาการประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ณ ท้องสนามหลวง จะมีกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี 31 ธันวาคม 2567 กิจกรรมทำบุญตักบาตรวันขึ้นปีใหม่ 1 มกราคม 2568 กิจกรรมวันตรุษจีน (วันขึ้นปีใหม่จีน) วันที่ 29 มกราคม 2568 และกิจกรรมวันมาฆบูชา วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568
จึงขอเชิญชวนประชาชน ร่วมกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ในช่วงวัน เวลาดังกล่าว เพื่อความเป็นสิริมงคลกับชีวิต

สำหรับบรรยากาศ ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ตั้งแตต่เวลา 16.00 น. ประชาชนพร้อมใจสวมชุดขาว เดินทางเข้ามาต่อแถวเพื่อเข้าสักการะ พระบรมสารีริกธาตุ( พระเขี้ยวแก้ว ) เนื่องจากบางส่วนเข้าใจว่า จะมีการเปิดให้เข้าสักการะ ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันแรกที่อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง

โดยน.ส.มณีจันทรามัลลิกา ปะบัวบาน ประชาชนที่เดินทางมารับชมพิธีอัญเชิญ กล่าวว่า ในวันนี้ตั้งใจเดินทางมาร่วมรับชมพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) โดนตนเดินทางมาจากจังหวัดมหาสารคาม ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม และพักอาศัยอยู่กับโรงแรมบริเวณใกล้เคียงท้องสนามหลวง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับทราบประวัติของพนะเขี้ยวแก้วจากเรื่องราวของพระเขี้ยวแก้วจุฬามณีทำให้รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่มีการนำพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) มาประดิษฐานที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรก การอัญเชิญในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก โดยตามตำนานพระเขี้ยวแก้วจะประทับอยู่ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ใต้บาดาล ประเทศจีน และ ประเทศเนปาล การนำมาประดิษฐานในครั้งนี้จึงเป็นสิ่งที่ดีต่อประชาชนทำให้ได้มีโอกาสสักการะอย่างใกล้ชิด โดยถือเป็นมงคลอย่างยิ่ง และในวันที่ 5 ธันวาคมจะมีการเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าสักการะได้ตนจะเดินทางมาตั้งแต่ 7 โมงเช้าเพื่อเข้ามาสักการะเป็นคนแรกๆ

นายชริธ ณัฐจริยา ประชาชนที่เดินทางมารับชมที่อัญเชิญ กล่าวว่า ในวันนี้ตั้งใจที่จะเดินทางมาสักการะพระเขี้ยวแก้วแต่ไม่ทราบว่าจะมีการเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะในวันที่ 5 ธันวาคม จึงจะอยู่เพื่อเข้าร่วมรับชมพิธีอัญเชิญ โดยตนเดินทางมาจากจังหวัดราชบุรีโดยการขับรถและจะเดินทางมาสักการะในภายหลังพร้อมครอบครัวอีกครั้งหนึ่ง โดยการนำพระแก้วแก้วมาประดิษฐานในครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีต่อประชาชนเป็นอย่างมากเพราะ โอกาสในการจะเกิดมาเป็นมนุษย์และได้เข้าสู่พระพุทธศาสนามีน้อย ซึ่งการได้มาสักการะพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาพุทธเจ้าถือเป็นมงคลสูงสุดของผู้ที่นับถือศาสนาพุทธ

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.