"วันนอร์"โวระบบรักษาปลอดภัยรัฐสภา 2 หมื่นล้าน ดูผ่านมือถือได้ตลอด 24 ชม. รถเข้า-ออกเช็กย้อนหลังได้ 1 เดือน
เมื่อวันที่ 15 พ.ย.67 ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวถึงการตรวจสอบความพร้อมของอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนเปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ว่า ต้องการให้มีความพร้อมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อรองรับก่อนเปิดสมัยประชุมสภา เพราะเห็นว่าสภายังมีทรัพยากรที่ยังไม่ได้ใช้ เช่นห้องต่างๆในแต่ละชั้น เพราะเดิมมีปัญหาเรื่องการไม่ได้รับมอบงานเต็ม 100% แต่ขณะนี้ได้รับมอบงานแล้ว เราก็จะสำรวจว่าในพื้นที่ใดจะใช้เป็นประโยชน์ให้กับสมาชิกรัฐสภา ประชาชน นักเรียน นักศึกษา ที่เข้ามาดูงานให้มากที่สุด และจะทำให้สมศักดิ์ศรีรัฐสภาที่เป็นสถาบันแห่งชาติ โดยให้ใช้ประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่ามากที่สุด เพราะเห็นว่าปัจจุบันมีการใช้งานห้องประชุมน้อยมาก เนื่องจากอุปกรณ์ไม่พร้อม ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ และระบบเสียง ตนจึงได้สั่งการให้ทำให้ดีที่สุด โดยใช้งบประมาณของปี 68 หากไม่พอก็ให้ เตรียมการของบปี 69 เพื่อให้ได้ใช้งานอาคารอย่างเต็ม 100%
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวต่อว่า ส่วนที่ยังต้องปรับปรุงโดยด่วน คือห้องที่มีอยู่ ซึ่งจากการไปตรวจสอบเมื่อวันที่ 13 พ.ย.นั้น ตนได้ลงไปดูถึงระบบรักษาความปลอดภัย ที่อยู่บริเวณชั้นล่าง ที่จะสามารถดูระบบความปลอดภัยได้ทั้งหมดว่ามีปัญหาตรงไหนบ้าง รวมถึงระบบเตือนภัย เช่น เรื่องไฟไหม้ ก็ทำได้ค่อนข้างดี แต่พื้นที่ตรงนั้นเป็นระบบความปลอดภัยที่เป็นความลับระดับสุดยอด ตนก็เพิ่งได้เข้าไปดูเป็นครั้งแรก แต่ต่อไปจะเพิ่มระบบมากขึ้น คือแทนที่จะต้องลงไปดูจุดควบคุม ก็สามารถดูผ่านโทรศัพท์มือถือได้ตลอด 24 ชม. โดยผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่ต้องการจะเช็ก เช่น ประธานสภาฯ หรือหัวหน้างานที่ต้องตรวจเช็คเจ้าหน้าที่ แม้แม้ปัญหาน้ำรั่ว ก็สามารถตรวจเช็คดูได้ว่าเกิดจากตรงไหน
"ผมอยู่บ้านก็เปิดดูได้ เลขาสภาผู้แทนราษฎร ก็เปิดดูได้ หรือฝ่ายที่ดูแลความปลอดภัย ก็สามารถกดดูได้ ตรงนี้เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าสมบัติของชาติ คือสภาฯ ซึ่งมีราคาตั้ง 2 หมื่นล้านบาท ได้รับการดูแลด้านความปลอดภัยอย่างดี ตลอด 24 ชม. ซึ่งจริงๆ แล้วเราสามารถเช็กได้เลยว่า วันหนึ่ง มีรถทะเบียนเบอร์อะไร เข้ามาในสภาฯประตูไหน เมื่อไหร่ และออกไปเมื่อไหร่ เราสามารถเช็คย้อนหลังได้ 1 เดือน และต่อไปเราสามารถใช้ระบบนี้ได้อย่างเต็มที่" นายวันมูหะมัดนอร์กล่าว
ประธานรัฐสภา กล่าวต่อว่า จากที่มีข่าวว่ามีคนมาแอบอ้างทำงานในสภา ต่อไปก็จะมีระบบตรวจสอบ ซึ่งได้มีหนังสือแจ้งไปให้ ทางคณะกรรมาธิการทุกคณะ รวมทั้งอนุกรรมาธิการด้วย เพราะกรรมาธิการจำเป็นต้องใช้บุคคลภายนอกที่มีความรู้ความสามารถมาเป็นที่ปรึกษา แต่ต้องให้ตรวจสอบประวัติบุคคลเหล่านี้ย้อนหลัง เพื่อไม่ให้มีปัญหา เพราะหากมีปัญหาเกิดขึ้น เช่น ไปหลอกต้มตุ๋นใคร ผู้ที่แต่งตั้งนั้นต้องรับผิดชอบ นอกจากด้านกฎหมายแล้ว ด้านจริยธรรมก็ต้องรับผิดชอบด้วย ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นปัญหาใหญ่ เพราะจริยธรรมของผู้ที่เป็นสส.และกรรมาธิการ ไม่ใช่ควบคุมเฉพาะตนเอง แต่ครอบครัวทำผิด กรรมาธิการต้องรับผิดชอบด้วย
"คนที่แต่งตั้งผู้ติดตาม ถ้าแต่งตั้งมาจะรับเงินเดือนหรือไม่รับเงินเดือน สิ่งที่ควบคุมชัดเจนคือจริยธรรมของผู้เป็นสมาชิกรัฐสภา เพราะจริยธรรมของสส.ใช้ฉบับเดียวกับองค์กรอิสระ หรือผู้พิพากษา ศาลรัฐธรรมนูญ รวมทั้งผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฉะนั้นที่มีปัญหานี้ถ้าโดนฟ้องก็อาจจะพ้นจากสมาชิกภาพและไม่ได้รับสิทธิ์ทางการเมืองหลายปีดังนั้นผู้ที่จะมาแอบอ้างในสภา ขอให้รู้ว่าสภามีระบบตรวจสอบจะเข้ามาเวลาไหนออกเวลาไหน การติดบัตรปลอมต่างๆ เราสามารถตรวจสอบได้ เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่นว่าสภาซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติไม่อาจให้คนมาใช้แอบอ้าง ไปทำลายความน่าเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อสภาได้”นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าว
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวด้วยว่า ระบบต่างๆ ขณะนี้เราใช้อยู่แล้วแต่จะเข้มงวดขึ้นอีก และเรามีกล้องวงจรปิดจำนวน1,070 ตัว ทุกห้องกรรมาธิการ ทุกมุม โดยมีจอมอนิเตอร์จำนวน 20 กว่าตัว และสามารถเลือกดูได้ทุกจุด ซึ่งระบบนี้ดีอยู่แล้วแต่ถ้าคนปฏิบัติไม่เข้มงวด ก็อาจจะมีช่องว่างได้ เพราะฉะนั้นต่อไปเราจะเข้มงวดกับปฏิบัติให้มากขึ้น