"สมศักดิ์"เปิด "ตู้ห่วงใย" สถานีกลางบางซื่อ เล็งวางตู้ยาคู่ขนาน บริการประชาชนสะดวก รวดเร็ว
เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.67 ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เป็นประธาน "เปิดตู้ห่วงใย บริการแพทย์ทางไกลเชิงรุกในชุมชนด้วย 30 บาทรักษาทุกที่" โดยมี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นายสุชีพ สุขสว่าง รองผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดร.พญ. เลิศลักษณ์ ลีลาเรืองแสง ผอ.สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ผู้แทนอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) และ คุณชัชฎา อภิชาสุทธากุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ทัช เทคโนโลยี จำกัด ร่วมพิธีเปิด
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นอีกก้าวหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ซึ่งได้นำนวัตกรรมบริการการแพทย์ทางไกลเชิงรุกในชุมชน หรือ "ตู้ห่วงใย" มาดูแลผู้มีสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ให้เข้าถึงบริการด้วยเทคโนโลยีที่มีคุณภาพและมาตรฐานสาธารณสุข โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้เปิดให้บริการตู้ห่วงใยแห่งแรกไปแล้ว ที่ชุมชนเคหสถานเจริญชัยนิมิตใหม่ เมื่อเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา และครั้งนี้เป็นการติดตั้งเพิ่มเติมในพื้นที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการสัญจรที่เชื่อมต่อการเดินทางของประชาชนทั่วประเทศ ทั้งรถไฟทางไกล รถไฟชานเมือง รถไฟความเร็วสูง รถไฟเชื่อมต่อสนามบิน รวมถึงระบบขนส่งมวลชน แต่ละวันมีประชาชนเดินทางนับแสนคน จึงมีความเหมาะสมอย่างยิ่งในการติดตั้งตู้ห่วงใยเพื่อให้ผู้ใช้สิทธิบัตรทองที่มีอาการเจ็บป่วยได้รับบริการตรวจรักษาเบื้องต้น และรับยาตามอาการ ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว เข้าถึงได้ง่าย ตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกที่ ขอขอบคุณ ทุกฝ่ายที่ร่วมขับเคลื่อนบริการตู้ห่วงใยนี้ ทั้งการรถไฟแห่งประเทศไทย กรมการขนส่งทางรางกระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร สปสช. และ บริษัท ทัช เทคโนโลยี จำกัด และขอให้พวกเราร่วมมือกันเดินหน้า 30 บาทรักษาทุกที่ เพื่อสุขภาพที่ดีของพี่น้องประชาชนต่อไป
นายสมศักดิ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ครั้งนี้เป็นการเปิดตู้ห่วงใยเป็นครั้งที่สอง แต่มีเกือบ 10 ตู้แล้วที่ติดทั่วไปในกทม. ได้เห็นพัฒนาการของตัวห่วงใยเป็นเทเลเมดที่ชัดเจน ในการบริการต่างๆ ผู้ให้บริการก็มีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น เช่นการจ่ายยา นอกจากมีไรเดอร์แล้วจะมีตู้ยาที่อยู่ใกล้กับตู้ห่วงใย การขยายในปีงบประมาณนี้ของบริษัททัชฯ น่าจะประมาณ 500 ตู้ เรื่องการดูแลสุขภาพ ก็มั่นใจว่าจะดูแลประชาชนได้อย่างดี โดยส่วนใหญ่อยู่ในกทม. ในต่างจังหวัดเราต้องการให้เปิดเพิ่มด้วย หากมีคนมาใช้บริการตู้ดังกล่าวจำนวนมาก จะลดค่าใช้จ่ายของ สปสช.ที่จะไปหาหมอที่โรงพยาบาล หรือคลินิค ซึ่ง สปสช.ใช้เงินจำนวนน้อยกว่าที่จะไปสถานพยาบาลด้วย ทั้งนี้หากมีบริษัทใดสนใจมาลงทุนก็ยินดีเปิดโอกาสให้แข่งขันกัน
เมื่อถามถึงความคืบหน้าร่างพ.ร.บ.อสม. นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตนได้ติดตามเร่งรัด ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการของกระทรวงการคลัง ที่มีกรมบัญชีกลางเป็นเลขานุการ ทางเราได้มีการปรับแก้ให้สามารถไปด้วยกันได้ ดูเหมือนจะพอใจกันทั้งสองฝ่ายแล้ว ซึ่งคณะกรรมการของกระทรวงการคลังจะมีการประชุมกันอีกครั้ง เมื่อประชุมจบ กระทรวงก็ส่งเข้าครม.คาดว่าจะไปตามร่างฯของพรรคเพื่อไทยที่เสนอเข้าสภาฯแล้ว
ต่อข้อถามถึงกรณีการรักษาพยาบาลของชาวต่างด้าวผ่านสิทธิกองทุน ท.99 นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ในวันอังคารหน้าจะประชุมกัน กระทรวงสาธารณสุขตามมติคณะรัฐมนตรีหรือระเบียบที่มีอยู่ ไม่ได้ดึงดันว่าจะต้องทำ แต่ในกรอบในการทำงานตั้งแต่รัฐบาลในอดีตจนถึงรัฐบาลปัจจุบัน มีความเกี่ยวข้องกับกระทรวงอื่นที่ต้องทำงานร่วมกันด้วย เบื้องต้นถ้ายังไม่สมดุลด้านไหนก็จะเติม เช่น เรื่องการมีประกันหรือค่ารักษาพยาบาลส่วนไหนที่จะทำให้ถูกใจคนไทย ก็จะเติมให้สมดุล ขนาดนี้เพียงแต่ตั้งโจทย์สัปดาห์หน้าจะมีการพูดคุยกัน
จากนั้นนายสมศักดิ์และคณะได้ลงพื้นที่เยี่ยมคลินิกชุมชนอบอุ่นที่วงศ์สว่างสหคลินิก โดยเป็นหน่วยบริการปฐมภูมิ ให้บริการรักษาโรคทั่วไป และทันตกรรม เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ 2523 เริ่มให้บริการผู้ป่วยสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ 2543ถึงปัจจุบัน ดูแลผู้ป่วยปฐมภูมิ จำนวน 10,000 ราย ดูแลผู้ป่วย Home Health Care จำนวน 10,000 ราย จัดให้มีบริการ รักษาโรคทั่วไป(ผู้ป่วยนอก)และบริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคโดยมีเครือข่ายให้บริการ คือ คณะแพทย์ศาสตรวชิรพยาบาล และ ศูนย์บริการสาธารณสุข 19 วงศ์สว่าง