“ผบช.ก.” เผยสอบพยานคดี "สจ.โต้ง " แล้วเกือบ 50 ปาก เมินกล่าวหาตั้งธงบิดเบือน ย้ำทำตามพยานหลักฐาน ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย สั่งตรวจสอบคลิปขนเงิน “สันธนะ”โชว์หลักฐานคลิป “รองอุ๊” คุยคนขับรถสจ.คนดัง หลังถูกยิงเสียชีวิต ปัดรับงานตระกูล”วิลาวัลย์” ด้าน‘กกต.’ ระบุการเมืองหนุนผู้สมัครชิงนายกอบจ. ยังไม่มีสัญญาณรุนแรง
ที่กองปราบปราม เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.67 พล.ต.ต. สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดี นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือ โกทร ผู้ต้องหาร่วมกับลูกน้องฆ่า นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง ว่า รายละเอียดของคดีอยู่ในสำนวน ส่วนการตรวจค้นเมื่อวาน (22 ธ.ค.) เพื่อนำมาประกอบพยานหลักฐานต่างๆ หากพบว่ามีอะไรที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับสิ่งที่ต้องการหาพยานหลักฐานก็จะไปทำการตรวจค้น ซึ่งการตรวจค้นมีประโยชน์ในเรื่องการนำมาประกอบสำนวนการสอบสวนแต่ไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด ซึ่งพยานหลักฐานมีหลายส่วนที่เป็นประโยชน์ สามารถเชื่อมโยงพฤติการณ์ต่าง ๆ ได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มหรือไม่ พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มี ส่วนจะมีการย้ายตัวนายสุนทรเข้ามาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพหรือไม่นั้น ทางพนักงานสอบสวนจะต้องหารือกันว่าจะพามาช่วงเวลาไหน เพราะการดำเนินการกับตัวผู้ต้องหามีบางส่วนที่ต้องทำการสอบปากคำ จึงต้องพิจารณาว่าการย้ายมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพหรือที่เรือนจำจังหวัดนครนายก อย่างไหนจะสะดวกกว่ากัน เพื่อประโยชน์ต่อการสอบสวน ซึ่งจะต้องพิจารณาอีกครั้ง ส่วนคลิปวงจรปิดขนเงินหลายสิบล้านบาทนั้น หากมีประเด็นอะไรที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ตำรวจไม่ได้มองข้าม ได้ดำเนินการสอบสวนทั้งหมด หากถามถึงที่มาของเงินนั้นอยู่ในสำนวนการสอบสวนไม่สามารถเปิดเผยได้
เมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่ที่มีบางคนกล่าวหาว่าตำรวจตั้งธงและบิดเบือนคดี พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า ไม่หนักใจ เพราะตำรวจสอบสวนกลาง ดำเนินการสอบสวนในเรื่องต่าง ๆ ด้วยพยานหลักฐานให้ความเป็นธรรม โดยไม่ได้มีธงว่าจะต้องเอาใครเป็นผู้ร่วมกระทำความผิด หรือใครไม่ใช่ผู้กระทำความผิด ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน ทุกฝ่ายต้องได้รับความเป็นธรรม ทั้งผู้เสียหาย ผู้ถูกกล่าวหา และบุคคลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า ในคดีนี้ได้มีการสอบปากคำพยานไป 40-50 ปาก ส่วนจะสอบบุคคลใดเพิ่มเติมจะต้องดูในรายละเอียดของสำนวนการสอบสวนอีกครั้งว่าพยานหลักฐานที่ได้มาในภายหลังจะต้องเรียกสอบบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องมีใครที่ทำให้เห็นว่ามีความขัดแย้งหรือไม่ จะต้องมีการพิจารณาในการสอบปากคำเพิ่มเติมให้มีความชัดเจนและรอบคอบ เมื่อถามว่า จะต้องมีการสอบปากคำ น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือ สจ.จอย ภรรยา สจ.โต้ง เพิ่มเติมอีกหรือไม่ พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า จะสอบที่ไหนจะต้องพิจารณาอีกครั้งว่าทางผู้เสียหายสะดวกหรือไม่ เพราะตำรวจสามารถดำเนินการสอบปากคำได้ทั้งหมด
เมื่อถามถึงกรณีตั้งศูนย์อยู่ในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี หากพบของกลางจะต้องนำเข้ามายังกองปราบปรามหรือไม่ พล.ต.ต.สุวัฒน์ กล่าวว่า ของกลางที่ประกอบสำนวนการสอบสวนจะต้องนำมาอยู่ในความรับผิดชอบที่ส่วนกลางอยู่แล้ว ส่วนการตั้งศูนย์ในพื้นที่เพื่อความสะดวกในการสอบสวนเบื้องต้น เพราะขณะนี้พยานหลักฐานต่าง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ได้ใช้ทีมงานลงพื้นที่ในการสอบสวนเพื่อความสะดวกและรวดเร็ว ส่วนจะมีใครร่วมกระทำความผิดเพิ่มเติมหรือไม่ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน เพราะต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล เดินทางมาติดตามความคืบหน้า หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ประสานเข้าพบ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) โดยอ้างว่าจะนำหลักฐานชิ้นสำคัญในคดีการเสียชีวิตของ นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง ส่งมอบให้โดยตรง แต่ตำรวจขอเลื่อนนัดหมายมาเป็นวันนี้แทน แต่ปรากฏว่าผบ.ตร.ก็ไม่ได้มารับเรื่อง จึงนำคลิปเสียงความยาว 7 นาที 5 วินาที มาเปิดเผยให้กับสื่อมวลชนแทน โดยบอกว่าคลิปเสียงเป็นการสนทนาระหว่าง “รองอุ๊” กับ “นายชาติ” คนขับรถของสจ.โต้ง ซึ่งพูดคุยกันหลังเกิดเหตุ เนื้อหามีการพูดถึงระหว่างเกิดเหตุว่ามีลูกน้องของทั้งสองฝั่งเข้าไปในบ้าน นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือ โกทร จำนวนมาก และแต่ละคนพกอาวุธปืนเข้าไปด้วย อย่างไรก็ตามในคลิปเสียงก็ไม่ได้มีข้อมูลชัดเจนว่าการยิงครั้งนี้มีใครสั่งการหรือไม่
นอกจากนั้น ยังมีการพูดคุยประเด็นเรื่องเงินจำนวน 20 ล้านบาท โดยมีคลิปวิดีโอขณะสจ.โต้งนั่งรถกระบะสีดำไปขนเงินภายในบ้าน “รองอุ๊” โดยมีลูกน้องขับรถตามไปคุ้มกัน อีกทั้งมีภาพนิ่งเป็นกล่องที่บรรจุเงินสดเป็นแบงก์ร้อยรวมกันหลายมัด และในคลิปเสียงยังมีการคุยกันเรื่องที่ “สจ.จอย” ไปประชุมเพื่อขอคะแนนเสียงสนับสนุนการเลือกตั้งจากสมาชิก อบจ.
นายสันธนะ กล่าวว่า การที่ตัวเองมาเปิดเผยข้อมูลเพียงแค่ต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้โกทร ไม่ได้รับงานมาจากโกทร หรือใคร เชื่อว่าทางตำรวจมีหลักฐานชุดนี้อยู่แล้ว แต่ไม่ยอมนำเข้าสำนวน เพราะต้องการจะบิดข้อมูลเพื่อช่วยฝั่งการเมือง ส่วนตัวมองว่ากรณีที่กกต.ประกาศรับสมัครเลือกตั้งนายก อบจ.ปราจีนบุรี ก็ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว เพราะมีเรื่องเงินจำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งหลังจากนี้จะต้องให้ตำรวจตรวจสอบต่อไปว่าเส้นทางการเงิน จากต้นทางถึงปลายทางไปที่ไหนบ้าง มีใครเกี่ยวข้องบ้าง ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด
นายสันธนะ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีการพูดคุยกับครอบครัวของโกทร ยืนยันว่าตระกูลวิลาวัลย์จะไม่ลงเลือกตั้งการเมืองแน่นอน ส่วนเรื่องของคดีต้องการให้โกทร เซ็นมอบอำนาจให้ตัวเองเป็นผู้ดำเนินการเรื่องคดี โดยจะต้องพูดคุยกับทางทนายความของโกทร ซึ่งบอกว่าหากทนายความไม่เห็นด้วยก็ถือว่ามีอะไรแอบแฝง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน นายสันธนะได้ตะโกนเรียกชื่อพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ให้ลงมารับหนังสือ แต่หากไม่มารับ หลังจากนี้จะมีการยื่นเรื่องกับป.ป.ช. เพื่อเอาผิดตามความผิดฐาน 157 ละเลยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วย
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายแสวง บุญมี เลขาธิการกกต. กล่าวถึงภาพรวมการรับสมัครรับเลือกตั้งนายก และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 ก.พ.68 ว่า การเลือกตั้งท้องถิ่นถือเป็นรากฐานของการพัฒนาการเมืองระดับประเทศ ถ้าท้องถิ่นดีระดับชาติก็จะดีไปด้วย การปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นประชาธิปไตยที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด ทำให้ผู้แทนหรือตัวนายกอบจ. ได้ทราบปัญหา และเข้าถึงได้ง่าย จากนี้ไปก็จะเป็นการเลือกนายกและสมาชิกอบจ. ในวันที่ 1 ก.พ.68 ซึ่งอบจ.มีอยู่ 5 ขนาด คือ จังหวัดที่มี 24 เขตเลือกตั้ง มีจำนวน 23 จังหวัด ,จังหวัดที่มี 30 เขตเลือกตั้ง มีจำนวน 33 จังหวัด ,จังหวัดที่มี 36 เขตเลือกตั้ง มีจำนวน 12 จังหวัด ,จังหวัดที่มี 42 เขตเลือกตั้ง มีจำนวน 7 จังหวัด และจังหวัดที่มี 48 เขตเลือกตั้ง มีจำนวนจังหวัดเดียวคือนครราชสีมา
ในส่วนของการรับสมัครวันนี้เป็นวันแรก โดยได้รับรายงานทั้ง 76 จังหวัด ซึ่งจะมีเลือกตั้งทั้งนายกและสมาชิกอบจ. จำนวน 47 จังหวัด 29 จังหวัด ได้เลือกเฉพาะนายกอบจ.ไปแล้ว โดยขอสื่อไปถึงผู้สมัคร และหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องว่า ในส่วนของผู้สมัครเข้าใจว่าจะมาสมัครในวันแรก อยากให้ตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองให้ดี และดูคุณสมบัติต้องห้าม และเมื่อสมัครแล้วผอ.กกต.ประจำจังหวัดนั้นๆ ไม่ได้ประกาศเป็นผู้สมัคร ก็สามารถใช้สิทธิไปร้องที่ศาลอุทธรณ์ ส่วนประชาชนอย่างที่บอกว่าการเลือกตั้งทุกเรื่องเป็นเรื่องของประชาชนให้ติดตามการหาเสียงของผู้สมัครเอง และตรวจสอบดูสิทธิของตัวเองว่ามือชื่อตกหล่นในทะเบียนบ้านหรือไม่ อีกทั้งยังสามารถช่วยสอดส่องให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตได้ โดยทางสำนักงานกกต. มีประกาศเกี่ยวกับการให้รางวัลผู้แจ้งเบาะแสการกระทำอันไม่เป็นสุจริตหรือเที่ยงธรรมในการเลือกตั้ง โดยมีเงินรางวัลตั้งแต่ 1 แสนบาท จนไม่เกิน 1 ล้านบาท
เมื่อถามถึงพื้นที่จ.ปราจีนบุรี และพื้นที่อื่นๆ ที่เคยมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นนั้นจะมีการกำชับอย่างไร นายแสวง กล่าวว่า คิดว่าด้วยบรรยากาศที่ผ่านมา ต้องดูว่าเหตุรุนแรงมาจากอะไร ส่วนเรื่องความรุนแรงในความหมายของกกต.คือการกระทำที่ตรงข้ามกับประชาธิปไตย สิ่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งเป็นหน้าที่ฝ่ายปกครอง และตำรวจต้องดูแลความสงบเรียบร้อย ซึ่งก็มีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามหากจะมีความรุนแรงก็คงจับตาเป็นบางพื้นที่ และมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลสถานการณ์ให้มีความสงบเรียบร้อย มีบรรยากาศความเป็นประชาธิปไตย ประชาชนสบายใจที่จะออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ส่วนตัวไม่กังวลอะไรเพราะไม่คิดว่าคนที่อาสาไปรับใช้ประชาชนแล้วจะทำเรื่องไม่ดีอย่างนั้น
เมื่อถามว่า ได้รับรายงานการข่าวหรือไม่ว่ามีพื้นที่ใดเสี่ยงเกิดวามรุนแรง นายแสวง กล่าวว่า จากการประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนที่คนจะไปสมัครนั้นเราจะทราบพอสมควรว่าใครจะไปสมัครบ้าง เพราะมีการปรึกษาหารือ สอบถามเรื่องคุณสมบัติต่างๆ ภาพรวมดูแล้วก็ยังสงบดี บางส่วนฝ่ายการเมืองอาจจะตกลงกันได้ในบางเรื่อง แต่หากเลยจากนั้นก็เป็นหน้าที่ฝ่ายกฎหมายบ้านเมืองที่ต้องดูแล อย่างไรก็ตาม ณ วันนี้ยังไม่มีลักษณะตามที่สอบถามมา
เมื่อถามว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นจากนี้ มองว่าการเมืองกับผู้มีอิทธิพลอยู่ด้วยกันหรือสามารถแยกออกจากันได้ นายแสวงกล่าวว่าตนไม่สามารถตอบได้ เพราะมีหน้าที่จัดการเลือกตั้งให้สุจริตและให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิให้มากๆ ใครใหญ่แค่ไหนก็ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย หากกฎหมายเลือกตั้ง ก็เป็นหน้าที่ กกต. หากกฎหมายบ้านเมืองก็เป็นของหน่วยงานอื่น