จุฬาฯ จับมือ สสว. ลงนาม MOU พัฒนาปัญญาประดิษฐ์ One Click รองรับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจสู่ยุคเศรษฐกิจสีเขียว
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ สสว. ร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชน ลงนาม MOU ในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) “One Click” สำหรับผู้ประกอบการ SME ในการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเข้าถึงสินเชื่อสีเขียว (Green Finance) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจสู่ยุคเศรษฐกิจสีเขียว ซึ่งพัฒนาร่วมกับ บริษัท เวคิน (ประเทศไทย) ที่ออกแบบให้ SME สามารถรายงาน และรับรองรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างง่ายดาย สะดวก รวดเร็ว แม่นยำ โดยที่มีต้นทุนต่ำ ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Tech)
การลงนามในครั้งนี้จัดขึ้นที่ CHULALONGKORN BUSINESS CINEMA อาคารไชยยศสมบัติ 1 ชั้น 3 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยมี ศ.ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ดร.อภิรดี ขาวเธียร รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.), ดร.ศกยง พัฒนเวคิน ผู้ก่อตั้งบริษัท เวคิน (ประเทศไทย) จำกัด
ตัวแทนธนาคารชั้นนำ ได้แก่ นายอิทธิพล เลิศศักดิ์ธนกุล รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM Bank), นายชาตรี เวทสรณสุธี รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank), นายสาธิต บุญโฉลก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่าย Product Management ธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย (UOB) และ นายเจษฎา วานิชสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วัน อิเล็กทรอนิกส์ บิลลิ่ง จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมเป็นพันธมิตร เตรียมความพร้อมให้กับ SME ไทยในครั้งนี้
ศ.ดร.วิเลิศ กล่าวว่า ถือเป็นก้าวสำคัญที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ สสว. ร่วมกับพันธมิตรในการส่งเสริมประเทศไทยตามเป้าหมาย SDGs ผู้ประกอบการ ซึ่งนโยบายดังกล่าวเป็นหน้าที่ของทุกคนทั้งภาคการศึกษา ภาครัฐ และธุรกิจ ซึ่งเราทราบกันดีว่าปัจจุบันองค์กรขนาดใหญ่ที่มีความพร้อม ต่างเดินหน้าขับเคลื่อนกันอย่างจริงจัง แต่ผู้ประกอบขนาดกลาง และขนาดย่อม ถือเป็นกลุ่มใหญ่ และเป็นฟันเฟืองสำคัญของประเทศ และถือเป็นการก้าวที่ใหญ่ที่ช่วยขับเคลื่อนประเทศเข้าใกล้เป้าหมาย Net Zero มากขึ้น
ดร.อภิรดี กล่าวเสริมว่า การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับ SME เป็นนโยบายเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการเพื่อเตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจโลกสีเขียว ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าว ต้องยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อต้นทุนการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ รวมถึงความสามารถในการแข่งขัน การเข้าถึงแหล่งทุน ดังจะเห็นได้จากเกณฑ์ประกอบการพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงิน มีการนำแนวคิดดังกล่าวมามีส่วนในการพิจารณา เช่น Green Loan หรือ Climate Finance
ดังนั้นปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในโครงการ One-Click นี้ จะเป็นผู้ช่วยที่สำคัญให้แก่ SME ในการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และรายงานคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของ SME แบบอัตโนมัติ เปิดโอกาสให้ SME เข้าถึง Climate Finance ได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น และพร้อมรับมือกับโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ รวมถึงมาตรการการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียว ของภาครัฐ ในอนาคต
ดร.ศกยง ว่า ปัจจุบันข้อมูลผู้ประกอบการ SME ถูกจัดเก็บในรูปแบบดิจิทัล แต่กระจายอยู่ในหลายภาคส่วน ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการเข้าถึง และเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ และยังคงไว้ซึ่งมาตรฐานความปลอดภัยทางไซเบอร์ และเคารพความเป็นส่วนตัว ดังนั้นปัญญาประดิษฐ์ (AI) จึงสามารถเข้ามาช่วยในการติดตามแบบอัตโนมัติ รายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงการทวนสอบคาร์บอนฟุตพริ้นท์ขององค์กร (CFO) ให้แก่ SME ได้อย่างง่ายดาย สะดวก รวดเร็ว แม่นยำ และต้นทุนต่ำ
โดยสามารถนำเสนอประสบการณ์การใช้งานในรูปแบบใหม่ให้แก่ผู้ใช้งานเสมือนเพียง One-Click ซึ่งเป็นที่มาของชื่อโครงการความร่วมมือนี้ และเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้แก่ผู้ใช้งาน โครงการ One-Click นี้ได้การรับรองมาตรฐาน dSURE ระดับ 2 ดาว จาก DEPA และ การรับรองมาตรฐาน CF Platform จาก อบก. เป็นที่เรียบร้อย
สำหรับปัญญาประดิษฐ์ของโครงการ “One Click” จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 10 ม.ค. 2568 โดยผู้ประกอบการ SME ที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับทุนสนับสนุนตามขนาดธุรกิจจาก สสว. ภายใต้การส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS หรือ “SME ปัง ตังได้คืน” เริ่มต้นที่ 8,000 บาท สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก และ 5,000 บาท สำหรับธุรกิจ SME ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น