โรม ชี้ 3 เรื่อง ท้าทายรัฐบาลอิ๊งค์ เชื่อ ปี 68 ดุแน่ แย้ม ศึกซักฟอกมีหมัดเด็ด ยัน ฝ่ายค้านทำงานเชิงรุกเต็มที่ ฮึ่ม คนเอี่ยวชั้น 14 ช่วย “ทักษิณ” ต้องติดคุก
เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2567 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงการทำงานของฝ่ายค้านในปี 68 เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าทำงานเชิงรุกมากขึ้น ว่า ฝ่ายค้านเราทำงานเชิงรุกมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเสนอกฎหมาย และในแง่ของการตรวจสอบในวาระสำคัญเราก็ตรวจสอบมาแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม งานสำคัญใน ปี 68 ที่รออยู่มันท้าทายหลายเรื่อง มีโจทย์สำหรับรัฐบาลหลายเรื่องที่ต้องแก้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด คือ การช่วยเหลือคนไทยที่เป็นลูกเรือประมงที่ถูกเมียนมาจับไปทั้ง 4 คน ซึ่งดูเหมือนว่าการช่วยเหลือคงไม่ทันก่อนปีใหม่แล้ว
ดังนั้น ในวันที่ 4 ม.ค. 68 ที่ทั้ง 4 คนจะได้รับการปล่อยตัว แต่ถ้ายังไม่ได้รับการปลอยตัว ตนคิดว่ารัฐบาลต้องมีมาตรการเชิงรุกมากขึ้น นี่ถือเป็นเรื่องแรกที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้าที่ต้องรีบจัดการ
เรื่องที่สอง คือเรื่องว้า ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นความท้าทายอย่างมากของรัฐบาลปัจจุบัน เป็นไปได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมาเราใช้งบประมาณด้านความมั่นคงไปเยอะมาก แต่เราปล่อยให้ขบวนการซึ่งเท่ากับก่อการร้ายอย่างว้า ที่ทำเรื่องยาเสพติดใหญ่ที่สุดในโลก สามารถล้ำแดนเข้ามาในประเทศไทยได้แบบนี้ ซึ่งส่งผลต่อปัญหายาเสพติดในภาพรวมที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน นี่คือโจทย์ที่เราต้องทำงานเชิงรุกอย่างเข้มข้น เรื่องที่สามคอลเซ็นเตอร์ ตนคิดว่าเป็นอีกปัญหาใหญ่เช่นเดียวกัน
“ทั้งสามเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาระหว่างประเทศและอาชญากรรมข้ามชาติ และเกี่ยวข้องกับปัญหาเมียนมา ผมกำลังจะบอกว่า วันนี้ประเทศไทยเหมือนกับเรากินน้ำใต้ศอกของรัฐบาลทหารเมียนมา ทุกอย่างดูอ่อนช้อย ดูเบาบาง ไม่สามารถที่จะปกป้องพี่น้องประชาชนได้
วันนี้สิ่งที่รัฐบาลต้องทำ คือ การแสดงถึงการปกป้องคนไทยจากปัญหาต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้น วันนี้ปัญหาของโลกซับซ้อนมากขึ้น เราต้องการการรับมือของรัฐบาล และในมิติเศรษฐกิจก็มี โดยเฉพาะการก้าวขึ้นมาของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งหลายคนเป็นห่วงว่า เรื่องภาษีต่างๆ ของสินค้าไทยที่ส่งไปที่สหรัฐฯ จะถูกเพิ่มหรือไม่ ซึ่งจำเป็นจะต้องมีมาตรการต่างๆ มารองรับ
“ผมจึงคิดว่า ปี 68 เป็นปีที่ดุแน่นอน แต่จะดุต่อใครผมไม่ขอฟันธง แต่ดุต่อประชาชนมีความเป็นไปได้สูงมาก” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าหลายฝ่ายมองว่าฝ่ายค้านไม่เต็มที่ในการตรวจสอบ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะเราเต็มที่ในการทำงาน ยกตัวอย่างกรณีที่หลายคนชอบวิจารณ์เรื่องของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้ารักษาที่ชั้น 14 และเรื่องต่างๆ เราก็เต็มที่ อภิปรายเรื่องของนายทักษิณมาตลอด เพียงแต่สังคมอาจจะคาดหวังว่าต้องมากกว่านี้อีก
ซึ่งในการทำงานของพวกเราพยายามทำงานบนพื้นฐานของข้อมูลและข้อเท็จจริง เราไม่ได้พยายามสร้างผีตัวใหม่ ถ้าสมมติว่านายทักษิณต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่ไม่ว่าจะเป็นแกล้งป่วยหรือเรื่องต่างๆ ตนคิดว่าต้องดำเนินคดีอย่างเต็มที่กับเรื่องนี้ และจะต้องมีคนที่จะต้องติดคุกกับเรื่องนี้
“ผมคิดว่ากระบวนการเรื่องชั้น 14 มันก็ชัดเจนในตัวของมันแล้วว่า วันนี้นายทักษิณไม่ได้ป่วยจริง ซึ่งน่าจะมีเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือ เราก็พร้อมในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน แต่ต้องยอมรับว่า ในการที่จะไปดำเนินการใดๆ ให้มีการตัดสินทางคดี เราอาจจะไม่มีอำนาจขนาดนั้น” นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่าการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ที่จะเกิดขึ้น ฝ่ายค้านจะพุ่งเป้าไปที่ตัวนายกรัฐมนตรีหรือทั้งคณะ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เรื่องนี้คงตอบไม่ได้ เพราะยังอยู่ในช่วงของการเตรียมและไม่อยากให้ใครรู้ตัว เราคงจะต้องเก็บไว้ก่อน แต่เราทำหน้าที่อย่างเต็มที่แน่นอน และการทำหน้าที่ของเราตามมาตรฐานที่ทำมาต้องมีพยานหลักฐานอย่างชัดเจน ไม่ใช่ประเภทแบบโวหารวาทะศิลป์ โดยที่ไม่มีเนื้อหาสาระอะไร ยืนยันว่าการอภิปรายครั้งนี้มีหมัดเด็ดแน่นอน