การเมืองปี 2567 ที่ผ่านมา เดือดปุดๆ ตั้งแต่ต้นปีแบบไม่มีแผ่ว และมีสถานการณ์รุมเร้าเป็นระยะ แต่ในแง่ของรัฐบาล ยังมีผลงานที่จับต้องได้เช่นกัน
วันที่ 17 ม.ค. ศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมาก 7 ต่อ 1 วินิจฉัยให้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ที่ถูกพักหน้าที่รมว.คมนาคม ตั้งแต่ 3 มี.ค.66 พ้นจากตำแหน่ง เหตุให้นอมินีถือครองหุ้น หจก.บุรีเจริญคอนสตรัคชั่น
หลังผลตัดสิน นายศักดิ์สยาม ลาออกจากสส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ทันที
24 ม.ค. ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 8 ต่อ 1 วินิจฉัยว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ รอดคดีถือหุ้นสื่อ เพราะไอทีวีสิ้นสภาพสื่อก่อนวันที่นายพิธาลงสมัครสส.บัญชีรายชื่อ
นายพิธา ที่ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่ได้กลับเข้าสภา และมาเสริมทัพพรรคก้าวไกล (ก.ก.)
31 ม.ค. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ชี้ ‘นายพิธา-ก้าวไกล’ หาเสียงแก้มาตรา 112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง สั่งห้ามทุกการกระทำ
ต่อมามีผู้ร้องป.ป.ช.ให้สอบจริยธรรม 44 อดีตสส.พรรคก้าวไกล ที่ลงชื่อเสนอแก้ไขมาตรา 112 เมื่อ 25 มี.ค.64 ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการไต่สวนของป.ป.ช.
ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ยื่นกกต.ให้พิจารณายื่นยุบพรรคก้าวไกลจากเหตุล้มล้างการปกครอง
12 มี.ค. กกต.มีมติเอกฉันท์ ยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณาในวันที่ 3 เม.ย.
หลังศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องคดียุบพรรคก้าวไกลไว้พิจารณา
พรรคก้าวไกลยื่นขอขยายเวลาชี้แจงรวม 3 ครั้ง ศาลให้ครั้งละ 15 วัน
7 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 9 ต่อ 0 ยุบพรรคก้าวไกล เหตุมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองฯ เพิกถอนสิทธิการเมืองกก.บห.พรรค 10 ปี
เป็นกก.บห.ชุดที่ดำรงตำแหน่ง 25 มี.ค.64-14 ก.ย.66 รวม 11 คน ในจำนวนนี้มีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายชัยธวัช ตุลาธน นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รวมอยู่ด้วย
9 ส.ค. อดีตพรรคก้าวไกลเปิดตัวพรรคประชาชน (ปชน.) และ 143 สส.ของพรรคที่เหลือย้ายมาบ้านใหม่ครบ
‘เท้ง’ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผงาดเป็นหัวหน้าพรรค พร้อมนั่งผู้นำฝ่ายค้าน และ นายศรายุทธิ์ ใจหลัก อดีตผอ.พรรคก้าวไกล เป็นเลขาธิการพรรค
หัวหน้าพรรคประชาชน ประกาศจุดยืนเดิมแก้มาตรา 112
เดินหน้าเป็นรัฐบาลพรรคเดียวในการเลือกตั้งปี 70
18 ก.พ. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้พักโทษกรณีพิเศษ เหตุสูงวัยและมีอาการเจ็บป่วย หลังรักษาตัวชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ นาน 180 วัน นับจากกลับเข้าประเทศ เพื่อรับโทษคดีอาญา 3 คดี เมื่อ 22 ส.ค.66
นายทักษิณปรากฏตัวครั้งแรก ด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัยและเฝือกที่คอ นั่งในรถข้างบุตรสาว ‘อุ๊งอิ๊ง’ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าแต่เช้าตรู่
14-16 มี.ค. นายทักษิณกลับบ้านเกิดจ.เชียงใหม่ ในรอบ 17 ปี ไปไหว้อัฐิบรรพบุรุษและไปรำลึกในหลายสถานที่ที่เคยไปมาก่อน
13-15 เม.ย. ไปเชียงใหม่อีกรอบ คุยว่าปี 68 ควง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทำบุญสงกรานต์เมืองไทย
17 ส.ค. ได้รับพระราชทานอภัยโทษปล่อยตัว ไม่ต้องรอให้ครบกำหนดโทษ 31 ส.ค.67 เนื่องจากเป็นผู้ถูกคุมประพฤติ ตามมาตรการพักโทษ
ส่วนคดีอาญามาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จากการให้สัมภาษณ์ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ เมื่อปี 58 ศาลนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์และจำเลย รวดเดียว 7 นัด ระหว่าง 1-23 ก.ค.68 คาดศาลชั้นต้นจะตัดสินภายในปี 68
นายทักษิณได้รีเทิร์นบทบาทการเมืองทั้งออกหน้าและเบื้องหลัง โดยเฉพาะเมื่อลูกสาว อุ๊งอิ๊ง ได้เป็นนายกฯ
จนถูกยื่นร้องเรียนว่า ‘ครอบงำ’ นายกฯ และพรรคเพื่อไทย
นายทักษิณยืนยันไม่ได้ครอบงำ แต่ ‘ครอบครอง’
หลังรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ทำงานได้ 7 เดือนเศษ ฝุ่นตลบกับกระแสปรับครม. โดยเฉพาะในพรรคเพื่อไทย
28 เม.ย. หลังโปรดเกล้าฯ ครม.เศรษฐา 1/1 เพียงไม่กี่ชั่วโมง เกิดอาฟเตอร์ช็อก เมื่อ ดร.ตั๊ก-นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่ถูกปรับพ้นรองนายกฯ เหลือเพียงรมว.ต่างประเทศ ได้ประกาศลาออกทันที
8 พ.ค. นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ พรรครวมไทยสร้างชาติ ลาออกจากรมช.คลังซัดนายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลังคนใหม่แบ่งงานไม่ให้เกียรติกัน
จากนั้น 40 สว. ไปร้องศาลรัฐธรรมนูญยื่นถอดถอนนายกฯ ที่เสนอแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรมต.ประจำสำนักนายกฯ ทั้งที่รู้ว่ามีคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญ
นายพิชิตชิงลาออกหลังนั่งเก้าอี้ได้เพียง 24 วัน ทำให้คำร้องเฉพาะกรณีนายพิชิตตกไป
14 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 5 ต่อ 4 สั่งให้นายเศรษฐาพ้นจากนายกฯ เนื่องจากขาดคุณสมบัติ ไม่ปฏิบัติตามหลักจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และครม.พ้นตำแหน่งทั้งคณะ
นายเศรษฐาบอก “เสียใจที่ถูกตัดสินไม่มีจริยธรรม แต่น้อมรับคำตัดสิน”
เท่ากับเป็นนายกฯ 358 วัน
เมื่อนายเศรษฐา ทวีสิน พ้นนายกฯ นายทักษิณ ชินวัตร ได้เรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้า
แจ้งเรื่องการจะส่งชื่อ นายชัยเกษม นิติสิริ 1 ใน 3 แคนดิเดต นายกฯ ของพรรคเพื่อไทยเป็นนายกฯ
ต่อมาที่ประชุมพรรคเพื่อไทยมีมติสนับสนุนน.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคอีกคนมาทำหน้าที่
วันที่ 16 ส.ค. สภาผู้แทนราษฎรโหวตเลือกน.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ คนที่ 31
ด้วยคะแนนท่วมท้น 319 ไม่เห็นชอบ 145 และงดออกเสียง 27
18 ส.ค. มีพิธีรับโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ
น.ส.แพทองธาร ประกาศ ทำหน้าที่เต็มความสามารถ ทำงานหนัก เพื่อเดินหน้าประเทศต่อไป
มั่นใจอยู่ครบวาระที่เหลือจนถึง ปี 70
การฟอร์มครม.ในรัฐบาลแพทองธาร ยึดพรรคร่วมรัฐบาลเดิม แต่มีการตรวจสอบประวัติรัฐมนตรีเข้มข้น กันซ้ำรอยนายเศรษฐา
แต่ฝุ่นตลบสุดๆ จาก 2 ขั้วในพรรคพลังประชารัฐแข่งกันส่งโผรัฐมนตรี
ร.อ.ธรรมนัส ที่เกรงสะดุดเรื่องคุณสมบัติ ส่งชื่อน้องชาย นายอัครา พรหมเผ่า มานั่งรมช.เกษตรฯ มีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม เป็นรมว.เกษตรฯ นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ ทุกคนไม่ได้เป็นสมาชิกพลังประชารัฐ เพื่อเลี่ยงระเบียบพรรคที่ต้องให้กรรมการบริหารเซ็นรับรอง
กลุ่มร.อ.ธรรมนัส ได้ร่วมครม.ตามคาด กระทั่ง 12 ธ.ค.พลังประชารัฐยอมขับก๊วนนี้ออกทั้ง 20 คน สะพัดว่าแลกดีล‘หวานใจ’รุกที่ส.ป.ก. และทั้งหมดเข้าซบพรรคกล้าธรรม
ส่วนพลังประชารัฐซีก ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทวงสัญญาที่โหวตน.ส.แพทองธาร เป็นนายกฯ ไม่สำเร็จ ถูกเขี่ยไปเป็นฝ่ายค้าน จากเหตุ ‘นายใหญ่’ ไม่พอใจ ‘คนบ้านป่า ทำการเมืองวุ่น’
เป็นโอกาสให้พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้เข้าเสียบรัฐบาล
ขณะที่ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ พรรคภูมิใจไทย ขอถอนตัวจากว่าที่รมช.มหาดไทยจากเรื่องคุณสมบัติในนาทีสุดท้าย และส่งลูกสาว น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ มานั่งแทน
รัฐบาลแพทองธารลงตัว
การเลือก สว.2567 เป็นการปิดสวิตช์ 250 สว.ที่มาจากการคัดเลือกของคสช.ยุติอำนาจเลือกนายกฯ
ครั้งนี้มีผู้สมัครรวม 48,117 คน ใน 20 กลุ่มอาชีพ
เป็นการเลือก 3 ระดับ ตั้งแต่ ระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ ประกอบด้วยการเลือกกันเองในกลุ่ม และการเลือกแบบไขว้
2 ก.ค. คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผล 200 คน สำรองอีก 100 คน
‘สว.สายสีน้ำเงิน’ ยึดสภาสูงราบคาบถึง 61.50% เฉพาะในบุรีรัมย์ มีเข้าวิน 14 คน ใน 11 กลุ่ม
การโหวตเลือกประธานวุฒิสภาและรองประธานตรงโผเป๊ะ นายมงคล สุระสัจจะ เป็นประธาน พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ และนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานคนที่ 1 และ 2 ตามลำดับ
มาถึงการเลือกประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญประจำวุฒิสภา สีน้ำเงินกินรวบ 20 คณะ
หลุดเก้าอี้เดียวให้นางอังคณา นีละไพจิตร นั่งประธานกมธ.การพัฒนาการเมืองฯ ที่มากับดวงจับสลากได้หลังคะแนนเท่าคู่แข่ง
จากนั้นมีนักร้องแห่ร้องเรียนฮั้วเลือกสว.ร่วม 100 คำร้องและให้การเลือกเป็นโมฆะ
จับตาผลตัดสินของกกต.ต่อไป
ในรอบปี 2567 ผลงานรัฐบาลพรรคเพื่อไทยยุคนายเศรษฐา ทวีสิน ก่อนถูกถอดถอนจากตำแหน่ง ยังมีต่อเนื่อง
โดยเฉพาะการแก้ปัญหาหนี้สินทั้งระบบ เริ่มจาก ‘พักหนี้เกษตรกร 3 ปี’
คิกออฟนโยบายวีซ่าฟรีให้นักท่องเที่ยว จีน คาซัคสถาน อินเดีย ไต้หวัน และรัสเซีย เพื่อเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว และตามมาด้วยอีกหลายประเทศ
ยกระดับนโยบายสาธารณสุขจาก ‘30 บาทรักษาทุกโรค’ เป็น ‘30 บาทรักษาทุกที่’
เมื่อครม.ของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ทำงานเป็นทางการช่วงกลางก.ย. ก็ลุยงานต่อ
ผลงานโบแดงคือ โครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท ที่แปลงมาเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567
แจกเงินสดให้กลุ่มเปราะบาง 14.55 ล้านคน ใช้งบ 1.45 แสนล้านบาท
เฟสสอง เตรียมแจกให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป คนละ 1 หมื่นบาท ช่วงวันตรุษจีน 68
ส่วนปี 68 ประกาศเดินหน้า 5 นโยบายทั้งโครงการหมู่บ้านและชุมชน SML-หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน-ดิจิทัลวอลเล็ต-แก้หนี้ครัวเรือน-บ้านเพื่อคนไทย
‘อิ๊ง’ลั่นเป็นปีแห่งโอกาสและความหวัง
