เมื่อวันที่ 1 มกราคม ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโฮสเทลใน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ได้โพสต์ขอคำปรึกษาจากโลกออนไลน์ หลังสุดทนกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยว ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา
ซึ่งสรุปใจความได้ว่า โฮสเทลดังกล่าวเป็นระบบประตูคีย์การ์ด โดยหลัง 3 ทุ่มจะไม่มีผู้ดูแลประจำการในเวลากลางคืน โดยเจ้าของจะมอนิเตอร์ผ่านกล้องวงจรปิด และได้พบว่า มีลูกค้าซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้พาเพื่อน (ที่ไม่ใช่ลูกค้า) มาพูดคุยและนั่งกินแอลกอฮอล์ที่หน้าโฮสเทล โดยทิ้งขวดและขยะทิ้งไว้ ระหว่างนั้นยังให้เพื่อน (ที่ไม่ใช่ลูกค้า) เข้าไปในโฮสเทลเพื่อใช้ห้องน้ำโดยไม่มีการแจ้งให้ทราบหรือขออนุญาตก่อน พร้อมทั้งยังไม่ถอดรองเท้าด้วย
มากไปกว่านั้น เจ้าของโฮสเทล ยังระบุด้วยว่า มีผู้ชายอีกราย (เสื้อฟ้า) ซึ่งไม่ได้เป็นลูกค้าของโฮสเทล ได้มายืนคุยกับลูกค้าของโฮสเทล ตอนแรกคุยกันผ่านประตูกระจก ก่อนที่ลูกค้าจะเปิดให้เข้ามานั่งคุยข้างใน หลังจากนั้นลูกค้าได้เข้าห้องไปพัก ชายคนดังกล่าวได้ไปหยิบผ้านวมของโฮสเทลบนเครื่องซักผ้ามานอนบนโซฟา ทางเจ้าของโฮสเทลซึ่งดูกล้องอยู่ที่บ้านเห็นจึงรีบขับรถมาดูและไล่ออกไปเหตุจะมาเนียนนอนฟรี ไม่จ่ายค่าที่พักไม่ได้
และจากเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าของโฮสเทล เลยนำมาโพสต์ปรึกษาว่า “สวัสดีปีใหม่ทุกคนค่ะ เริ่มต้นปีใหม่อยากเจอสิ่งดีๆ ในภาพและวิดิโอคือปัญหาที่เกิดขึ้นช่วงเดือนธันวา หนูอยากสอบถามผู้หลักผู้ใหญ่ว่าเราจะจัดการกับพฤติกรรมของพวกเขาได้อย่างไร ผู้ประกอบการหลายคนต้องเจอกับหาและไม่สามารถทำอะไรได้ เราไปว่าเขาก็เหมือนว่าเราผิด”
ภายหลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ได้มีผู้เข้าไปให้คำแนะนำในหลายมุม ทั้งในมุมของผู้ประกอบการด้วยกันที่ว่า “บุกรุกยามวิกาลแสนหนึ่ง นี่จัดการไปแล้ว 1 กลุ่ม”
หรือ “แจ้งความบุกรุกได้นะคะ ทำกฎเพิ่มไปด้วยค่ะก่อนจอง เรื่องห้ามพาบุคคลภายนอกเข้ามาสร้างความเสียหาย สกปรก ประมาณนี้ค่ะ ถ้ามีก็จะต้องปรับจำนวนเงินค่ะ เซนเซอร์หน้าแล้วลงกลุ่มปายของฝรั่งได้นะคะ เจ้าตัวจะได้สะดุ้งบ้างค่ะ”
“บางคนประเทศเดียวกัน ก็เตี้ยมกันมาก็มีครับ เอาง่ายๆเลย ผมว่าเขียนป้ายติดแล้วปรับ เขียนภาษาอิสราเอลเลย ยิ่งดีครับ”