ประธาน กมธ.อุตสาหกรรมชงแก้กฎหมายค้าของเก่า เพิ่มโทษเข้มหลังไม่มีการแก้ไขมาตั้งแต่ 2474 คาดตัดตอนพ่อค้ารับซื้อของขโมย
เมื่อวันที่ 8 ม.ค.68 นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี เขต 4 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรม และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้แถลงข่าวถึงการยื่นร่างพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า ฉบับที่... พ.ศ. ... เพื่อแก้ไขปัญหาการขโมยทรัพย์สิน
นายอัครเดช กล่าวว่า จากปัญหาการขโมยทรัพย์สินโดยเฉพาะทรัพย์สินของทางราชการ ไม่ว่าจะเป็นสายไฟฟ้า ฝาท่อระบายน้ำ ซึ่งส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนชาวไทย นอกจากนี้จากปัญหาดังกล่าวต้องมีการตั้งงบประมาณเพื่อซ่อมแซมไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาดังกล่าว เนื่องจากได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชน
นายอัครเดช กล่าวอีกว่า จากการศึกษาพบว่าเหตุที่ยังมีการขโมยทรัพย์สินดังกล่าวไปข้างต้นอย่างต่อเนื่อง เกิดจากที่ทางร้านรับซื้อของเก่ายังมีการลักลอบซื้อของเก่าที่ถูกขโมยมา เนื่องจากการเอาผิดด้วยข้อหารับซื้อของโจรเป็นไปได้อย่างยากลำบาก ประกอบกับพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า นั้นเป็นกฎหมายเก่า คือมีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2474 ทำให้บทลงโทษกรณีฝ่าฝืนกฎหมายยังเบาอยู่มาก โดยเฉพาะกรณีค้าของเก่าโดยไม่ได้รับอนุญาต, การไม่บันทึกกรณีรับซื้อของเก่าว่ามาจากใคร และการซื้อ-ขายของเก่าที่ต้องสงสัยว่ามีที่มาโดยผิดกฎหมายแต่ไม่ได้แจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่ มีเพียงอัตราโทษปรับ 2,000 บาทเท่านั้น ทำให้ร้านค้าของเก่าเลือกที่จะเสียค่าปรับทันทีและไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย
นายอัครเดช กล่าวด้วยว่า ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการอุตสาหกรรมจึงได้เสนอให้มีการแก้ไขพระราชบัญญัติควบคุมการขายทอดตลาดและค้าของเก่า ในมาตรา 12 โดยกำหนดอัตราโทษให้หนักยิ่งขึ้น คือ กรณีเปิดทำการค้าของเก่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน, การไม่บันทึกกรณีรับซื้อของเก่าว่ามาจากใครจะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน และกรณีที่ทำการซื้อ-ขายของเก่าที่ต้องสงสัยว่ามีที่มาโดยผิดกฎหมายแต่ไม่ได้แจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี การแก้ไขกฎหมายโดยมีการเพิ่มโทษในครั้งนี้จะได้มีการตัดตอนห่วงโซ่ของการลักขโมยทรัพย์สินของทางราชการและประชาชน เมื่อผู้ลักขโมยไม่สามารถขายได้ย่อมจะทำให้ปัญหาดังกล่าวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงหายไปอย่างสิ้นเชิง เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าหลังจากได้มีการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้แล้ว จะทำให้ปัญหาการลักขโมยทรัพย์สินของราชการ เช่น สายไฟฟ้า ฝาท่อโลหะ รวมถึงทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน เช่น อุปกรณ์ทางการเกษตร สายไฟฟ้า และทรัพย์สินอื่น ๆ จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญและจะหายไปในท้ายที่สุด ตนหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากฎหมายฉบับแก้ไขนี้ ที่เป็นการแก้ไขที่ต้นเหตุของปัญหาจะได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรและประกาศใช้โดยเร็ว เพื่อทำให้ปัญหาการลักขโมยทรัพย์สินของราชการและพี่น้องประชาชนจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญและจะหายไปโดยเร็ว นายอัครเดชกล่าวในตอนท้าย