รู้ตัวแล้ว ตร.เร่งล่าตัวคนจีน รับบทกลาง ติดต่อแลกเปลี่ยนเงิน-คริปโต ปมฉกเงิน 5 ล้าน หลังก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับเคส 8 ล้าน
จากกรณีคนร้ายลักษณะคล้ายชาวจีน ลวงชายชาวจีนไปที่บ้านหลังหนึ่ง ซอยประชาราษฏร์บำเพ็ญ 12 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กทม. เพื่อซื้อขายเหรียญคริปโตในราคา 5 ล้านบาท แต่ผู้ก่อเหตุกลับไม่ยอมโอนเหรียญคริปโตให้ ก่อนจะหยิบเงินสด 5 ล้านบาทหลบหนีไป
ต่อมาในเวลาไล่เลี่ยกัน เกิดเหตุคนร้ายลวงขายเหรียญคริปโตจากผู้เสียหาย ในราคา 8 ล้านบาท โดยนัดกันที่อาคารแห่งหนึ่ง ใกล้กับห้างชื่อดังย่านพระรามเก้า พอถึงเวลาผู้เสียหายโอนเหรียญคริปโตไปยังบัญชีของคนร้ายที่เป็นคนกลาง ฝั่งถือเงินสดมาอ้างว่าไม่ได้เหรียญคริปโต เพราะเหรียญคริปโตโอนเข้าบัญชีคนกลาง ก่อนจะนำเงินหนีออกไป ซึ่งพบว่าคนกลางเป็นชาวจีน ผู้เสียหายก็คนจีน
วันที่ 10 ม.ค.2568 ที่สน.ห้วยขวาง พ.ต.อ ประสพโชค เอี่ยมพินิจ ผกก.สน.ห้วยขวาง กล่าวถึงกรณีผู้เสียหายชาวจีน โดนขโมยเงิน 5 ล้าน โดยผู้เสียหายได้มีการมาที่จุดเกิดเหตุ เพราะมีความประสงค์ที่จะนัดหมายทำการแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโต กับฝั่งของกลุ่มคนขับรถอัลพาร์ด ซึ่งทั้งสองฝั่งมีคนกลางในการมานัดแลกเปลี่ยนกันครั้งนี้คือ นายเฉิน ซึ่งได้ทำการนัดทั้ง 2 ฝั่งมาพบกัน
โดยผู้เสียหายเจ้าของเงิน 5 ล้าน ได้ตรวจสอบว่าฝั่งตรงข้ามไม่ได้โอนเงินดิจิตอลมาให้ จึงเกิดการโต้เถียงกัน ฝั่งของรถอัลพาร์ดจึงมีการหยิบเงินออกมาแล้วขึ้นรถ ซึ่งทางทีมสืบห้วยขวาง และสืบบก.น.1 ก็ได้มีการสืบเสาะจนสามารถติดตามไปยังตึกแถวที่ฝั่งรถอัลพาร์ดไปจอดส่งคน และจากการตรวจค้น พบเงิน 5 ล้าน อยู่ภายในตึกดังกล่าว แต่ยังไม่พบตัวใครในตึก โดยตึกดังกล่าวเป็นทางกลุ่มชาวจีนเช่าไว้ 2 ปีแล้ว
ส่วนนายเฉินคนกลาง ไม่ได้อยู่ในจุดเกิดเหตุด้วย ซึ่งทางผู้เสียหายได้ให้ข้อมูลว่า เคยทำธุรกรรมทำนองนี้ โดยมีนายเฉินเป็นตัวกลางมา 3-4 ครั้งแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีปัญหาใดๆเลย
ทางเจ้าหน้าที่เชื่อว่านายเฉินน่าจะเป็นผู้ก่อเหตุหลัก เพราะเขาเป็นตัวกลางที่ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายมาเจอกัน และพอฝั่งหนึ่งโอนเงินคริปโตให้ผู้เสียหาย โดยผ่านนายเฉิน แต่นายเฉินไม่ยอมโอนต่อ ส่วนรถอัลพาร์ดทนั้น ก็ได้มีการตรวจสอบเบื้องต้นภายนอกแล้ว ตอนนี้ก็ยึดไว้เป็นของกลางก่อน สำหรับเส้นทางหลบหนีของคนร้ายฝั่งอัลพาร์ดนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ข้อมูลบ้างแล้ว ทุกอย่างอยู่ในสำนวนแล้ว
ส่วนกรณีเงิน 8 ล้านนั้น เป็นเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกัน คือเป็นคนกลางเป็นผู้นัดให้ฝั่งที่มีเงินและต้องหาแลกเป็นเงินดิจิทัล และฝั่งที่มีเงินดิจิทัล มาพบเพื่อแลกเปลี่ยนกัน ซึ่งพบว่าคนกลางนั้น คือ “นายเฉิน”
โดยกรณีที่2 ฝั่งคนถือเงิน 8 ล้านบาท ตรวจสอบไม่พบว่าเงินดิจิทัลไม่ถูกโอนเข้าบัญชีตนเอง จึงดึงเงินกลับ แต่ฝั่งตรงข้ามบอกว่าโอนเงินคริปโตไปแล้วจริง ซึ่งพฤติการของนายเฉินเป็นแบบเดียวกันทั้ง 2 คดี คือเป็นตัวกลาง ดีลฝั่งคนแลก และคนรับมาเจอกัน แต่พอฝ่ายใดโอนคริปโตให้นายเฉิน เขาก็จะไม่โอนต่อ
ผกก.กล่าวต่ออีกว่า ส่วนประเด็นที่ผู้เสียหายเคส 5 ล้านนั้น ถูกทำร้ายหรือพันธนาการนั้น ตนยังไม่ได้รับข้อมูล เพราะผู้เสียหายแจ้งว่า เขาไม่ได้ถูกมัดหรือถูกทำร้าย แต่เขาได้กระโดดลงมาจากชั้น 2 ของบ้าน เพื่อตามเงิน จึงทำให้มีแผลบ้าง ส่วนที่โดนเข็มขัดรัดที่ข้อมือนั้น ตนยังไม่ทราบข้อมูล จะต้องขอตรวจสอบก่อน