Pi Daily ตลาดหุ้นไทยเริ่มน่าสนใจในเชิง Valuation สำหรับลงทุนระยะกลาง อาจมองเป็นโอกาสเริ่มสะสม
GH News January 10, 2025 12:09 PM

Pi Daily ตลาดหุ้นไทยเริ่มน่าสนใจในเชิง Valuation สำหรับลงทุนระยะกลาง อาจมองเป็นโอกาสเริ่มสะสม

เมื่อวันที่ 10 ม.ค.68 บล.พาย เผยว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดทำการเนื่องในวันร่วมไว้อาลัยจิมมี คาร์เตอร์ อย่างไรก็ตามตลาดน้ำมันยังเปิดทำการ โดยพบว่าราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1% เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็นหนุนความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิง

เมื่อวานที่ผ่านมาจีนได้รายงานตัวเลขเงินเฟ้อพบว่าขยายตัวเพียง 0.1%YoY สอดคล้องกับที่ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ อย่างไรก็ตามหากเทียบกับเดือนก่อนหน้าพบว่าขยายตัวต่ำลงจากระดับ 0.2% สะท้อนว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจยังไม่แข็งแกร่งรวมไปถึงนโยบายกระตุ้นอาจมิได้เห็นผลเท่าใดนัก สำหรับตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับลงมา 1.78% นับเป็นการปรับฐานแรงสุดในภูมิภาค ซึ่งประกอบไปด้วยหลายปัจจัยกดดัน อาทิ ความกังวลสหรัฐฯอาจปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากประเทศต่างๆ โดยไม่ผ่านความเห็นจากสภารวมถึงกระแสเงินทุนต่างชาติไหลออก ขณะที่บางบริษัทจดทะเบียนประสบภาวะติด Floor สร้างแรงกดดันเชิงจิตวิทยาต่อตลาดหุ้นในภาพรวม ทั้งนี้การปรับฐานลงมาของตลาดหุ้นไทยทำให้ในแง่ของ Forward PE ลงมาอยู่ที่ 13x นับเป็นระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 15.5x สะท้อนถึงการ Price In แรงกดดันต่างๆไปมากแล้ว แต่การฟื้นตัวนั้นก็ยังจำกัดเพราะนักลงทุนยังไม่มั่นใจกับนโยบายของ Trump จึงแนะรอติดตามพิธีสาบานตนของ Trump ในช่วงวันที่ 20 ม.ค. โดยปัจจัยติดตามคืนนี้ได้แก่แรงงานสหรัฐฯกับการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงาน Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 1.64 แสนรายและ 4.2% ตามลำดับ ตัวเลขที่แย่กว่าคาดการณ์มองเป็นบวกกับตลาดหุ้น เพราะหากรายงานสูงกว่าคาดการณ์จะเพิ่มแรงกดดันด้านดอกเบี้ยและเสี่ยงกับ Flow ไหลออก วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1355 – 1375 ด้วยระดับ Valuation ที่เริ่มน่าสนใจเราเชื่อว่าแรงขายจะเริ่มเบาบางหรือต่อให้ปรับฐานจากนี้ก็เชื่อว่าจะมิได้แรงมากนัก ยกเว้นแต่ว่าจะเกิดปัจจัยที่เหนือกว่าคาดหมาย อาทิ สงครามการค้ารุนแรง ภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ ผลประกอบการย่ำแย่ ดังนั้นในเชิงกลยุทธ์การลงทุนนักลงทุนระยะกลาง - ยาว ควรมองเป็นโอกาสทยอยสะสมในหุ้นพื้นฐานดีและเป็นผู้นำอุตสาหกรรม พร้อมกับราคาหุ้นที่ปรับฐานลงมา อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ส่งออก (ITC TU) ศูนย์การค้า (CPN) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ส่วนเชิง Trading สำหรับผู้รับความเสี่ยงได้สูงแนะนำกลุ่มธนาคาร (BBL KBANK KTB SCB) โรงพยาบาล (BDMS) น้ำมัน (PTTEP) 

BBL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 170.00 บาท)
ชอบ BBL ด้วยงบดุลแข็งแกร่ง และ Valuation ที่ไม่แพงซื้อขายที่ 0.5x PBV'25E หากเทียบกับความสามารถในการทำกำไรในระยะยาว ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวเปาะบางทำให้การขยายสินเชื่อในปี 2024 ขยายตัวต่ำกว่าเป้าหมายเล็กน้อย แต่กำไรสุทธิยังเติบโตได้ 6.6% ในปี 2024 อย่างไรก็ดี คาดกำไรจะเติบโตชะตัวที่ 2.6%/4.4% ในปี 2025-26 ส่วนหนึ่งเพราะ NIM ปรับลดลงล้อกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ด้าน ROE จะปรับเพิ่มขึ้นที่ 8.2% ในปี 2024 และ 8% ในปี 2025-26

KTB (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 24.00 บาท)
มีมุมมองเป็นบวกต่อการควบคุมค่าใช้จ่ายการดำเนินงานดีขึ้นทำให้ปรับคาดการณ์กำไรสุทธิเพิ่ม 2-3% ในปี 2024-26 โดยคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2024 เติบโตแข็งแกร่งที่ 15.6% และกำไรมีแนวโน้มเติบโตชละตัวที่ 3.1%/4.4% ในปี 2024-26 (ไม่รวมผลกระทบจากโครงการ  “คุณสู้ เราช่วย” ของ ธปท.) โดยมองว่า KTB มีจุดแข็งในการควบคุมคุณภาพสินเชือ่ได้ดี โดยคาดว่า NPL ratio จะทรงตัวที่ 3% ในปี 2024-26 และสำรองหนี้ฯ เพียงพอรองรับความไม่แน่นอนในอนาคต

#PiDaily #บลพาย #หุ้นไทย #ข่าววันนี้ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์

 

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.