‘คลัง’ เตรียมเรียกประชุมเคาะโครงการบัตรคนจน มั่นใจได้ข้อสรุปชง ครม. ทันก่อนเปิดลงทะเบียนรอบใหม่เดือน มี.ค. 68 ผุดคณะกรรมการปฏิรูปโครงสร้างภาษี พ่วงพิจารณาแนวคิด Negative Income Tax พร้อมทบทวนสวัสดิการรัฐทุกประเภท หวังให้เกิดประโยชน์-เหมาะสมกับประชาชน
10 ม.ค. 2568 – นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการเปิดลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยเพื่อรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐนั้น คาดว่าจะมีการเรียกประชุมภายในเดือน ม.ค. นี้ เพื่อดำเนินการพิจารณาหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และขั้นตอนต่าง ๆ ซึ่งมั่นใจว่าจะได้ข้อสรุปทันก่อนเปิดให้มีการลงทะเบียนในเดือน มี.ค. 2568 แน่นอน
ทั้งนี้ คณะทำงานได้มีการส่งรายละเอียดเบื้องต้นเกี่ยวกับโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาให้พิจารณาแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการสรุป เพราะข้อมูลยังไม่สะเด็ดน้ำ จำเป็นจะต้องมีการหารือกันอีกครั้ง โดยหลังจากได้ข้อสรุปทั้งหมดแล้วก็จะต้องนำเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการทั้งหมดก่อน
“ยังมีหลักเกณฑ์ที่จะใช้กำหนดเป็นเงื่อนไขและคุณสมบัติผู้เข้าร่วมโครงการหลายอันที่ต้องไปพิจารณาให้รอบคอบ เช่น เรื่องความมั่งคั่ง ที่ยอมรับสำหรับประเทศไทยยังดูค่อนข้างยาก เนื่องจากเรายังมีปัญหาเรื่องฐานข้อมูลที่ยังไม่พร้อม ทำให้รวย-จนวัดไม่ได้ชัดเจน เพราะไม่เห็นข้อมูลทั้งหมด หรือบางทีข้อมูลที่มีอยู่เมื่อถึงเวลาก็จะมีปัญหา พอไปจัดเป็นเคส บาย เคส ก็จะไปเจอปัญหาซ้ำอีกว่า ทำไมคนนั้นได้แบบนี้ คนนี้ไม่ได้แบบนั้น แบบนี้ก็จะเหนื่อย จึงอยากขอเวลาอีกนิดเพื่อพิจารณารายละเอียดให้รอบคอบ ซึ่งยืนยันว่าจะได้ข้อสรุปทันก่อนเปิดลงทะเบียนในเดือนมี.ค. นี้ แน่นอน” รมช.การคลัง ระบุ
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุดเพื่อพิจารณาเรื่องการปฏิรูปโครงสร้างภาษี ซึ่งรวมถึงแนวคิดเรื่องการให้เงินช่วยเหลือผู้มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ (Negative Income Tax : NIT) ด้วย โดยการปฏิรูปโครงสร้างภาษี จะต้องดูในรายละเอียดสำคัญ 2 เรื่อง คือการปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบ และเรื่องสวัสดิการทุกประเภทที่รัฐได้จ่ายให้กับประชาชน ว่าจะปรับอย่างไรเพื่อให้เกิดประโยชน์และมีความเหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน และสถานการณ์เศรษฐกิจมากที่สุด
สำหรับสวัสดิการที่รัฐจ่ายให้ประชาชนนั้น ได้มีการตั้งโจทย์ไว้ 2 ระดับ คือ การเอาทุกอย่างมาพิจารณารวมกัน ซึ่งต้องยอมรับว่าโจทย์นี้ค่อนข้างยาก และหากจะมีการปรับปรุงก็อาจจะต้องดำเนินการเป็นระยะ (เฟส) โดยในระยะแรกอาจจะเอาเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับงบประมาณโดยตรง เช่น โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นต้น เอามาพิจารณาปรับปรุงก่อน โดยมองว่าการดำเนินการในส่วนนี้จะแยกกันดูทีละส่วนค่อนข้างยาก จะทำให้ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ ดังนั้นหากจะพิจารณาปรับอะไรก็ต้องมาพิจารณาปรับทั้งก้อนไปพร้อม ๆ กัน
“เรื่องโครงสร้างภาษีจะต้องดูทั้งระบบ ถือเป็นงานใหญ่และยาก การพิจารณาจะแยกเป็นชิ้นไม่ได้ เพราะถ้าแยกชิ้นก็จะไม่เห็นภาพ ส่วนเรื่องสวัสดิการที่รัฐจ่ายให้ประชาชนนั้น ต้องมาดูทั้งก้อนไปพร้อม ๆ กัน ส่วนการดำเนินการก็อาจจะต้องแยกเป็นเฟส เพราะเป็นเรื่องใหญ่” นายจุลพันธ์ กล่าว