โจ๋งครึ่ม! นายทุนเอกชน ลักลอบขนทราย ทำเป็นธุรกิจ ผู้นำท้องถิ่น ไม่สน ชาวบ้านร้องเรียน ป.ป.ช.ภาค 9 ตรวจสอบข้อเท็จจริง
เมื่อวันที่ 10 มกราคม นายปิยะวัฒน์ คุระพูล ผอ.กลุ่มประสานการป้องกันทุจริต ภาค 9 (ป.ป..ช.ภาค 9) ร่วมกับ นายยุทธนา วิมลเมือง หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต (ป.ป.ช.ตรัง) นายพรชัย นาคพล กรรมการชมรมตรังต้านโกง พร้อมด้วย ฝ่ายปกครอง ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ลงพื้นที่ตรวจสอบเอกชนลักลอบตักทรายในพื้นที่สาธารณะประโยชน์ไปใช้ หลังจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนถึงความผิดสังเกตเห็นเอกชนรายหนึ่งนำรถแบ็คโฮ 3 ตัว ลงตักทรายในพื้นที่โครงการขยายคลองปะเหลียน(คลองลัด) หมู่ที่ 1 ต.บางด้วน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ซึ่งก่อนหน้านี้ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาช่วงคอสะพานลงไปจนถึงประตูน้ำเป็นโครงการลอกคลองโดยรถขุดจ้างเหมาของกรมชลประทานระยะที่ 1 มีการตักทรายดิบมากองไว้ใกล้เชิงหัวสะพาน
ต่อมาเอกชนรายดังกล่าวได้นำหัวดูดทรายมาลงดูดทรายจากในคลอง จนชาวบ้านร้องเรียนต่อหน่วยงานไปครั้งหนึ่ง แต่ต่อมาเอกชนรายนี้ได้นำรถแบ็คโฮเข้ามาตักทรายที่กองไว้ลำเลียงนำออกนอกพื้นที่ไป โดยมีข้อมูลเพิ่มเติมว่าทรายดังกล่าวได้นำไปเก็บไว้ที่บ่อทรายเก่าซึ่งหมดสัญญาไปแล้ว และได้เริ่มเปิดเป็นท่าทรายใหม่ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา โดยไม่ได้ขออนุญาต ในเขตพื้นที่ หมู่ที่ 4 ต.ในควน อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง
ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูล ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน เทศบาล ต.ท่าพญา อบต.ย่านตาขาว อบต.ในควน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แจ้งว่าไม่ทราบว่ามีโครงการดังกล่าว เนื่องจากไม่ได้รับหนังสือแจ้งจากกรมชลประทานขออนุญาตในการใช้พื้นที่ เพิ่งมาได้รับหนังสือวันที่ 3 หลังจากมาทำงานวันแรกในช่วงหยุดเทศกาลปีใหม่ และไม่มีป้ายโครงการติดประกาศแจ้งเอาไว้จึงว่ามองว่าเป็นโครงการเดียวกัน ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ให้ข้อมูลว่า เอกชนรายนี้ได้นำรถแบ็คโฮและรถบรรทุกสิบล้อเข้ามาตักขนทรายออกไปในช่วงก่อนปีใหม่ และในวันเดียวกันก่อนที่ ป.ป.ช.จะลงตรวจสอบก็ยังมีการขนทรายออกไป
ซึ่งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่นายช่างโยธากรมชลประทาน ให้ข้อมูลว่า โครงการตรงบริเวณหัวสะพานลงไปจนถึงประตูน้ำเป็นโครงการลอกคลองโดยรถขุดจ้างเหมาของกรมชลประทานระยะที่ 1 มีการตักทรายดิบมากองไว้ใกล้เชิงหัวสะพาน ในส่วนของดินที่ได้ขุดลอกขึ้นมาได้นำขึ้นมาทำเป็นคันดินขอบตลิ่ง ส่วนทรายบางส่วนทางวัดได้ขอไปใช้
ส่วนป้ายหน้างานโครงการเป็นป้ายไวนิลชั่วคราวติดประกาศแจ้งไว้ช่วงประตูระบายน้ำ ส่วนหนังสือเริ่มแรกได้มีการแจ้งไปที่เทศบาลตำบลท่าพระยา เพราะจากการตรวจสอบ GPS กูเกิ้ลแม็บ ระบุเป็นพื้นที่เขตเทศบาล ต.ท่าพญา เป็นพื้นที่หลักในการขุดลอก ซึ่งคาบเกี่ยวกับ 3 ตำบล ซึ่งคลองแห่งนี้เชื่อมต่อ ไป ต.บางด้วน อ.ย่านตาขาว, ต.ท่าพญา อ.ปะเหลียน, ต.ในควน อ.ย่านตาขาว ซึ่งก็ไม่ได้คำตอบว่ามีการทำหนังสือจากกรมชลประทานแจ้ง อบต.บางด้วน และ อบต.ในควนส่งไปพร้อมกันกับเทศบาล ต.ท่าพญา หรือไม่ ทางผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 1 ต.บางด้วนแจ้งว่า พื้นที่ที่ทางกรมชลประทานขุดลอกอยู่เป็นพื้นที่ของหมู่ที่ 1 ต.บางด้วน ส่วนทรายที่ทางวัดขอยังไม่ได้ขนทรายเข้าวัดเนื่องจากยังไม่ได้เคลียพื้นที่บริเวณวั
ต่อมาทาง ป.ป.ช.ภาค 9 ป.ป.ช.ตรัง ได้ลงพื้นที่ที่ชาวบ้านระบุว่าได้มีการนำทรายออกไปเก็บไว้ยังบ่อทายเก่าแห่งหนึ่งบริเวณ หมู่ที่ 4 ต.ในควน อ.ย่านตาขาว พบว่า บ่อทรายดังกล่าวไม่ทราบว่าเป็นของเอกชนรายใด ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ขออนุญาตทำบ่อทรายในพื้นที่ส่วนบุคคล ต่อมาหมดสัญญาและไม่ได้ขออนุญาตต่อสัญญาใหม่ บริเวณบ่อทรายยังมีอุปกรณ์ เครื่องดูดทรายที่ยังใช้งานและมีร่องรอยการใช้งานใหม่ ๆ ร่องรอยรถบรรทุกที่ลำเลียงนำทรายมาเททิ้งเอาไว้ยังเป็นร่องรอยใหม่ ๆ ทรายยังมีความเปียกชื้น มองด้วยตาเปล่าปริมาณทราย 700-800 คิว ส่วนที่จมอยู่ใต้ผิวน้ำไม่สามารถคำนวณได้ โดยทางกรมชลประทาน ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่อ้างว่าบริเวณจุดดังกล่าวไม่ได้เข้ามาในพื้นที่เพราะทราบว่าเป็นท่าทรายของเอกชน
ซึ่งต่อมา ทาง ป.ป.ช.ตรัง พร้อมกับ นายพงศกร ชูเลื่อน ปลัดอำเภอปะเหลียน ฝ่ายปกครอง ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำชุมชน เทศบาล ต.ท่าพญา อบต.ย่านตาขาว อบต.ในควน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้ลงพื้นที่อีกครั้ง พบว่าได้มีการเคลื่อนย้ายรถแบ็คโฮทั้ง 3 คัน ออกนอกพื้นที่ไปแล้ว โดยทาง ป.ป.ช.ประสานให้ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการตรวจสอบข้อมูลในทุก ๆ ด้าน ตั้งแต่หนังสือขออนุญาตจากกรมชลประทานในการขอใช้พื้นที่ว่าได้รับหรือไม่ บ่อทรายเป็นของเอกชนรายใด มีการขออนุญาตหรือไม่ ทรายที่อยู่ในพื้นที่บ่อทรายเอามาจากที่ใด มีการแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ อุตสาหกรรม หรือ เจ้าท่าภูมิภาค หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วหรือไม่
นายบุญเลิศ ชูบุญศรี ปลัด อบต.บางด้วน กล่าวว่า ขณะนี้ทาง อบต.เมื่อได้รับทราบข่าวได้แจ้งไปยังนายอำเภอ ท่านนายก อบต.และผู้ใหญ่ในพื้นที่ ได้ดำเนินการตามระเบียบข้อกฎหมายอยู่ในตอนนี้ และจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนผู้ลักลอบขนทรายนั้นตอนนี้ข้อมูลที่ตนได้รับยังไม่แจ้งชัด ต่อไปตนเองจะร่วมมือกับหลาย ๆฝ่าย ปกครองท้องถิ่นเพื่อจะดำเนินการแก้ไขปัญหาในตรงนี้ ส่วนการดำเนินคดีตามกฎหมายนั้นตนต้องไปศึกษาระเบียบข้อกฎหมายในหลาย ๆ เรื่องเพราะเชื่อมโยงกับข้อกฎหมายหลาย ๆ เรื่อง ในเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตนมองว่าไม่มีผลกระทบมากนัก ทั้งนี้ตนต้องให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้าน ต้องตอบชาวบ้านให้ได้ว่าทรายตรงนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร ตามระเบียบข้อกฎหมาย
นายยุทธนา วิมลเมือง หัวหน้ากลุ่มงานป้องกันการทุจริต (ป.ป.ช.ตรัง) กล่าวว่า ตอนนี้ ป.ป.ช.ตรังเองได้รับเรื่องร้องเรียนกล่าวหาจากประชาชนในพื้นที่ว่ามีการตักทรายในแม่น้ำปะเหลียนโดยมิชอบในเบื้องต้น ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบได้มีการขุดทรายตักทรายขึ้นมาริมฝั่ง และมีการแอบตักทรายขนไปในพื้นที่ของเอกชนจริง ในเบื้องต้นได้ประสานไปยังอำเภอปะเหลียนได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ในส่วนของการประกอบกิจการโรงงานดูดทรายโดยมิชอบ ตรวจสอบจาก อบต.
ในควนก็ปรากฏว่าโรงงานดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตในการประกอบกิจการโรงงานก็เป็นหน้าที่ของ อบต.ในควนที่จะต้องดำเนินการตามหน้าที่ต่อไป ส่วนความเสียหายของรัฐนั้น ทรายถือว่าเป็นทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของส่วนรวม จากการดูเบื้องต้น มีการแอบตักขนทรายออกไปในจำนวนที่มาก ทำให้รัฐสูญเสียผลประโยชน์ตรงนี้ไป ในส่วนผู้นำท้องที่ผู้นำท้องถิ่นมีหน้าที่มีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ดูแลรักษาร่วมกัน อย่าให้ใครมาหาประโยชน์ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งผลกระทบคือมีการเอาเปรียบสังคมการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ เป็นการประกอบกิจการที่เอาเปรียบกัน ส่วนพื้นที่ลักลอบดูดทรายในจังหวัดตรัง ในภาพรวมของการดูดทราย ทาง ปปช.ตรังเองได้มีการติดตามกับ
อุตสาหกรรมจังหวัดตรัง ติดตามไปยังพนักงานสอบสวน พบว่าจำนวน 10 กว่าบ่อทรายได้ดำเนินคดี บางแห่งก็ได้มีการเปรียบเทียบปรับหมดแล้ว เหลืออีก 2 จุด บริเวณ ต.หนองตรุด กับ ต.นาท่ามใต้ ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนอยู่ ตอนนี้ถือว่าผู้กระทำผิดลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ ทาง ปปช.เองก็ได้ผลักดันเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีหน้าที่อนุญาต อนุมัติให้รวดเร็ว อย่างสร้างเงื่อนไข หรือมีการเรียกรับสินบนในการขอประกอบการดูดทรายเพื่อลดปัญหาการดูดทรายที่มิชอบด้วยกฎหมาย ส่วนบุคคลหรือนิติบุคคลที่ประกอบการดูดทรายโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องดำเนินการโดยเคร่งครัดทั้งทางอาญาและทางเพ่ง ต่อไป