ญาติปรี่ตบแม่ ผงะเสพยาวันละ 3 เม็ด ส่งลูกสาว 15 ให้พ่อเลี้ยงขืนใจแลกเงิน ตร.แจ้งค้ามนุษย์ ด้านลุงเขยจะพุ่งเข้าชกพ่อเลี้ยง ลั่นอยากให้ติดคุกนานๆ
วันที่ 10 ม.ค. 2568 พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี สั่งการให้ พ.ต.ท.พิเชฐ์ ปักเคธาติ สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี นำกำลังตำรวจพร้อมหมายเรียกพนักงานสอบสวน ไปเชิญตัวนางณัฐ อายุ 38 ปี แม่ น.ส.เอ จากบ้านเช่าในเมืองอุดรธานี และนายอ๋อง อายุ 60 ปี พ่อเลี้ยง ซึ่งทำงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งใน จ.อุดรธานี มาพบตำรวจที่ สภ.เมืองอุดรธานี
หลังจากป้าได้พา น.ส.เอ เข้าแจ้งตำรวจ กรณีถูกนายอ๋องข่มขืนกระทำชำเรามานาน 4 ปี ครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2567 โดยมี น.ส.ณัฐ แม่แท้ๆ รู้เห็นเป็นใจ พอ น.ส.ณัฐ มาถึงโรงพัก นางนกซึ่งเป็นญาติได้เข้ามาถามว่าทำอะไรกับลูกเอาไว้ แล้วตบหน้า น.ส.ณัฐ จำนวน 1 ครั้ง ก่อนมีการโต้เถียงกัน ตำรวจต้องเข้ามากันห้ามเอาไว้ แล้วให้ น.ส.ณัฐ เข้าไปในห้องชุดสืบสวน
โดยมี พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.ดิษฐวัฒน์ ถาวรสินพงศ์ รอง ผกก.(สอบสวน) เป็นผู้สอบปากคำ โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที จึงควบคุมตัวนายอ๋อง และนางณัฐ ส่งพนักงานสอบสวน
ขณะตำรวจควบคุมตัวไปดำเนินคดี สื่อมวลชนได้สอบถามนายอ๋องว่า ข่มขืนลูกเลี้ยงจริงหรือไม่ แต่นายอ๋องและนางณัฐ ไม่ยอมตอบข้อซักถาม เป็นจังหวะเดียวกับที่มีนายอ๊อด อายุ 38 ปี ญาติของ น.ส.เอ ได้วิ่งฝ่าตำรวจเข้ามาพยายามชกหน้านายอ๋อง แต่ตำรวจได้กันตัวออกไป
พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ เปิดเผยว่า หลังจากได้รับประสานจากคุณต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง และเจ้าหน้าที่ พมจ.อุดรธานี นำเด็กและญาติมาแจ้งความ เมื่อสอบสวนได้รายละเอียด จึงสั่งให้ชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี, ชุดสืบสวน ภ.จว.อุดรธานี และชุด ปดส. ร่วมกันติดตามแม่ และพ่อเลี้ยง ซึ่งอยู่บ้านเดียวกันมา 6-7 ปี มาสอบสวนที่โรงพัก
พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทั้งคู่ให้การรับสารภาพ พ่อเลี้ยงสารภาพว่าเริ่มตั้งแต่เด็กอายุ 11-12 ขวบ เมื่อมีความสัมพันธ์แล้วจะให้เงิน ช่วงแรกก็ขอเงิน 500-1,000-1,500 บาท ส่วนน้องได้ปรึกษาแม่ แต่แม่บอกว่าให้ทำตามและยอมเขาไป
พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ กล่าวอีกว่า เมื่อพ่อเลี้ยงให้เงิน น.ส.เอ 1,500 บาท แม่จะแบ่งเอา 1,000 บาท ถือว่าแม่ได้ประโยชน์จากการกระทำนี้ และรู้ว่าพ่อเลี้ยงทำอะไรกับลูก แต่ไม่ได้ห้าม และไม่ปกป้อง ซึ่งได้แจ้งข้อหาพ่อเลี้ยง “ข่มขืนกระทำชำเราเด็ก” ส่วนแม่เข้าข่าย “ค้ามนุษย์” หลักฐานชัดเจน เพราะเมื่อแม่ได้เงินจากลูกก็จะนำมาซื้อยาบ้าเสพวันละ 2-3 เม็ด จากการตรวจปัสสาวะพบว่าฉี่เป็นสีม่วง มีสารเสพติดในร่างกาย แต่พ่อเลี้ยงไม่เสพ
ด้านนายอ๊อด อายุ 38 ปี ลุงเขย น.ส.เอ ที่ปรี่เข้าไปชกนายอ๋อง กล่าวถึงความรู้สึกว่า ตนอดใจไม่ไหว คิดว่ามันเกินคน เคยเห็นหน้านายอ๋องมาประมาณ 2-3 ครั้ง วันนี้ตนยังจำไม่ได้เลย แต่แฟนตนบอกว่าเป็นนายอ๋อง ซึ่งเป็นชู้กับนางณัฐ พอตนเห็นหลักฐานเป็นคลิปเสียงของหลานสาวและการแชท มันเกินไป เด็กโดนกระทำตั้ง 3-4 ปี ทนได้อย่างไร
นายอ๊อด กล่าวต่อว่า ส่วนแม่เด็กผมพูดไม่ออก รู้แต่ว่าชั่ว ตนกับแม่เด็กไม่ค่อยสุงสิงกัน ส่วนจะตัดขาดจากความเป็นญาติ ก็ให้แล้วแต่แฟนตน ส่วนการไปอยู่กับญาติคนไหน แล้วแต่เด็กจะตัดสินใจ เพราะเด็กโดนกระทำมามากแล้ว
“อยากถามนายอ๋องว่า ทำไมมึงกล้าทำ ขนาดมึงเป็นชู้กับเมียเขา มึงยังเอาลูกเขาอีก ผัวเขานอนป่วย ยังกล้าข่มขืนลูกเขา อยากให้ติดคุกนานๆ เอาให้ถึงที่สุดไปเลย” นายอ๊อด กล่าว
ส่วน น.ส.โอ อายุ 41 ปี เพื่อนรุ่นพี่ของนางณัฐ กล่าวว่า ตนเคยเข้าไปที่บ้านฝรั่ง 4-5 ครั้ง เพื่อเข้าไปดูนางณัฐว่ามีสภาพจิตใจเป็นอย่างไรหลังจากสามีฝรั่งเสียชีวิต และไปดูหลานสาวถึงอาหารการกิน เห็นหลานมีอาการซึมประมาณ 2 วัน จากนั้นก็เป็นปกติ และพยายามจะสื่อสารอะไรบางอย่าง แต่ไม่ได้มีโอกาสคุย เพราะมัวแต่คุยกับนางณัฐเรื่องสามีฝรั่งที่เสียชีวิต จึงไม่ได้ถามหลาน
น.ส.โอ กล่าวต่อว่า ตนเคยสอบถามนางณัฐว่า ไม่กลัวว่าสามีใหม่ทำอะไรลูกเหรอ แต่นางณัฐยืนยันว่าไม่มีอะไร เพราะเลี้ยงลูกมาตั้งแต่เด็ก และเด็กก็รักและเคารพเหมือนพ่อ เท่าที่ตนดูนางณัฐก็ปกติดี เพราะอยู่คนละบ้านกับลูก ถ้าเข้ามาบ้านเห็นลูกทำอะไรไม่เรียบร้อย ก็จะมีอารมณ์ฉุนเฉียว โมโห ไม่ถูกใจ ขัดใจ แต่ไม่ผิดปกติ
น.ส.โอ กล่าวอีกว่า ทราบว่านางณัฐป่วยเป็นไบโพล่าร์ อารมณ์รุนแรง แต่งงานกับสามีฝรั่งมา 20 ปี มีลูกด้วยกัน 1 คน คือ น.ส.เอ ซึ่งสามีฝรั่งไม่เคยมีครอบครัวหรือบุตรมาก่อน ก่อนแยกกับสามีฝรั่งนานแล้ว เพื่อมาอยู่กับนายอ๋อง ซึ่งนายอ๋องมีครอบครัวอยู่แล้ว แต่สามีฝรั่งก็ช่วยเหลือในเวลาขัดสน ซึ่งนายอ๋องจะอาสามารับสามีฝรั่งพาไปฟอกไต รวมถึงอาสามารับและส่ง น.ส.เอ ไปโรงเรียน
“หลังจากทราบว่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ก็รู้สึกตกใจ เพราะพฤติกรรมทุกคนปกติ ไม่มีอะไรผิดสังเกต แม้กระทั่งตัวหลานเอง ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าถูกพ่อเลี้ยงข่มขืน เจ้าหน้าที่เข้าไปเชิญตัว คิดว่ามาประสานเรื่องศพสามีฝรั่งที่อยู่โรงพยาบาล ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องนี้ ส่วนนางณัฐก็ไม่เล่าเรื่องอะไรให้ฟัง” น.ส.โอ กล่าว