เมื่อวันที่ 10 มกราคม นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาค่าไฟของไทยในปัจจุบันที่ยังมีราคาสูง กระทบต่อค่าครองชีพประชาชน และภาคอุตสาหกรรมฟันเฟืองสำคัญของการผลักดันไทยเศรษฐกิจแต่ต้องประสบกับต้นทุนการผลิตที่สูง กระทรวงอุตสาหกรรมจึงตั้งเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์(โซลาร์เซลล์) ของภูมิภาคอาเซียน ทั้งด้านปริมาณที่มั่นคงและราคาไม่แพงตามต้นทุนแท้จริง เพราะไทยมีจุดแข็งคือแสงแดดแรง เฉพาะในอาเซียนพลังงานแสงอาทิตย์ไทย เป็นรองแค่เมียนมา เพราะแดดประเทศไทยแรงและมีเกือบตลอดทั้งปี โดยต้นทุนค่าไฟจากโซลาร์มีราคาถูก แบ่งเป็น 2 ประเภท ประเภทแรกคือ ยูทิลิตี้โซลาร์ คือการผลิตแบบขนาดใหญ่ 5-10 เมกะวัตต์ ประเภทสองคือ บ้านเรือน โดยยูทิลิตี้โซลาร์ต้นทุนเนื้อไฟฟ้าจากโซลาร์ประเภทนี้อยู่ที่ประมาณ 1.70 บาทต่อหน่วย และแนวโน้มต้นทุนลดลง 10% ทุกปี ดังนั้นอีก 5 ปีข้างหน้าต้นทุนค่าไฟจากโซลาร์จะเหลือแค่ 1 บาทต้นๆ เท่านั้น แต่ถ้าบ้านเรือนยังแพงอยู่กว่า 3 บาทต่อหน่วย
“ดังนั้น หากอุตสาหกรรมที่ใช้ไฟเยอะๆ มารวมตัวกันหันมาผลิตไฟจากโซลาร์ใช้เอง ซึ่งสัดส่วนการใช้ไฟของภาคอุตสาหกรรมสัดส่วนสูงมากอยู่แล้ว จะทำให้ต้นทุนรวมแค่ประมาณ 2 บาทต่อหน่วยเท่านั้น” นายเอกนัฏกล่าว
นายเอกนัฏ กล่าวว่า กระทรวงอุตสาหกรรมเล็งเห็นความสำคัญในการอำนวยความสะดวกผู้ประกอบการให้ติดตั้งโซลาร์ง่ายขึ้น เมื่อเร็วๆนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) จึงมีมติอนุมัติร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ … (พ.ศ. …) ออกตามความในพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535 กำหนดยกเว้นให้การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา หรือโซลาร์รูฟท็อป ทุกกำลังการผลิต ไม่เข้าข่ายเป็นโรงงานและไม่ต้องขออนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยโรงงาน ถือเป็นข่าวดีของภาคอุตสาหกรรมปีนี้
รายงานข่าวแจ้งว่า สถานการณ์การใช้ไฟฟ้าของไทย มีสัดส่วนการใช้ในภาคอุตสาหกรรมเป็นอันดับหนึ่งประมาณ 45% รองลงมาเป็น บ้านอยู่อาศัย ประมาณ 28% สาขาธุรกิจประมาณ 23% และอื่นๆประมาณ 4%