“จ่าเอ็ม”เครียด! สาวคนบงการขอรับโทษเข้าเรือนจำ
GH News January 12, 2025 04:10 PM

“ผบก.น.1” ระบุ “จ่าเอ็ม” มือยิง “อดีตสส.กัมพูชา” เครียดหนัก ไม่ยอมปริปากให้ข้อมูลคนชักใยเบื้องหลัง พร้อมเมินพบแม่ ลั่นขอรับโทษคนเดียว ด้าน “ตร.”จ่อหิ้วตัวฝากขังศาลวันนี้ พร้อมคัดค้านประกันตัว

ความคืบหน้ากรณี นายเอกลักษณ์ แพน้อย หรือ จ่าเอ็ม อายุ 41 ปี ผู้ต้องหายิงนายลิม กิมยา อายุ 73 ปี อดีต สส.ฝ่ายค้านของกัมพูชา เสียชีวิตบริเวณเกาะกลางถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศ เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่ หลบหนีเจ้าหน้าที่ตำรวจข้ามแดนไปยังประเทศกัมพูชาผ่านช่องทางธรรมขาติ แต่ไปไม่รอดถูกเจ้าหน้าที่กัมพูชาจับกุมตัวได้ขณะทานอาหารใน ต.ปเรยสวย อ.โมงรึไทร จ.พระตะบอง เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา

ที่ สน.ชนะสงคราม เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 68  พล.ต.ต.อัฎธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 เปิดเผยว่า ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนายเอกลักษณ์ ตลอดทั้งคืน ซึ่งนายเอกลักษณ์ มีท่าทีที่เคร่งเครียด แต่ยังคงให้การที่เป็นประโยชน์ในส่วนพฤติการณ์ของตนเอง จนสามารถทำคำรับสารภาพประกอบวิดีโอที่เล่าพฤติการณ์ในคดีอย่างละเอียดได้ครบถ้วน โดยนายเอกลักษณ์ ยืนยันว่าเป็นบุคคลตามกล้องวงจรปิดที่จับภาพได้ทั้งหมด

“เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สอบปากคำเชิงลึก ถึงข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลอื่น เช่น ผู้มีพระคุณหรือบุคคลผู้ชี้เป้า นายเอกลักษณ์ ยังไม่ให้การที่เป็นประโยชน์ในประเด็นดังกล่าว เนื่องจากไม่ยอมตอบคำถามและต้องการสูบบุหรี่ แม้ว่าทางตำรวจพยายามที่จะใช้หลักจิตวิทยาในการพูดคุย แต่นายเอกลักษณ์ ก็ยังปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลในเชิงลึก รวมทั้งยังมีอาการสับสนมึนงงว่าทำอะไรลงไปและมีท่าทีวิตกกังวลกลัวว่า บุคคลอื่นที่นายเอ็มให้การถึงนั้น จะเดือดร้อน ทำให้พนักงานสอบสวนต้องประเมินอาการร่วมกับทนายความและแพทย์ ลงความเห็นว่า นายเอกลักษณ์ ยังมีอาการอ่อนเพลีย อิดโรย และเคร่งเครียด เนื่องจากภาวะพักผ่อนน้อย จึงมีสภาวะที่ยังไม่พร้อมให้ปากคำ ทางพนักงานสอบสวนจึงหยุดการสอบปากคำในเวลา 4 ทุ่ม ก่อนคุมตัวเข้าห้องควบคุมตัว”

สำหรับการควบคุมตัวนายเอกลักษณ์ ตลอดทั้งคืนนั้นได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งฝ่ายปราบปรามและสืบสวนเฝ้าบริเวณหน้าห้องควบคุมตัวตลอดทั้งคืน พร้อมทั้งได้จัดหาผ้าห่มให้เพราะเนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมามีอากาศหนาว โดยนายเอกลักษณ์ สามารถนอนหลับได้ตามปกติ ไม่มีท่าทีจะทำร้ายตัวเองแต่อย่างใด ซึ่งในช่วงเช้าวันนี้ทางตำรวจได้จัดโจ๊กเอาไว้เป็นมื้อเช้า ซึ่งก็สามารถรับประทานได้ตามปกติ

อย่างไรก็ตาม นายเอกลักษณ์ ยังมีอาการวิตกกังวลและไม่พร้อมที่จะเจอแม่และญาติ จึงเป็นเหตุทำให้นายเอกลักษณ์ แจ้งความประสงค์ที่จะไม่ขอพบญาติแต่อย่างใด  แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ให้นายเอกลักษณ์  ต่อสายพูดคุยโดยตรงกับแม่ โดยนายเอกลักษณ์ ได้อธิบายให้แม่ฟังเพียงว่า ตนยังไม่พร้อมที่จะเจอ และ ไม่ต้องการอะไร พร้อมกับสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป และจะรับโทษในเรือนจำ ก่อนที่นายเอกลักษณ์ จะตัดสาย ซึ่งหลังวางสายจากแม่เสร็จ นายเอกลักษณ์ ก็ยังมีอาการเครียดและขอบุหรี่สูบทันที

“ยืนยันว่า ทางตำรวจได้ทำคดีนี้ตามกรอบของกฎหมายและเป็นไปตามรูปคดีอย่างชัดเจน ซึ่งหลังจากนี้ ทางตำรวจทั้งฝ่ายสืบสวนและสอบสวนจะทำการบ้านและเตรียมข้อมูลเพื่อสืบสวนหาบุคคลที่เป็นผู้มีพระคุณและอยู่เบื้องหลังของนายเอกลักษณ์ โดยเฉพาะข้อมูลจากโทรศัพท์ของนายเอกลักษณ์ เมื่อสามารถสืบสวนพิสูจน์ทราบได้แล้วว่าเป็นใคร ก็จะเรียกบุคคลนั้นมาสอบปากคำทันที”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 13 ม.ค.68 ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม จะนำตัวนายเอกลักษณ์ ส่งฝากขังต่อศาลอาญา โดยทางพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนีและไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน อย่างไรก็ตาม นายเอกลักษณ์ ได้แจ้งความประสงค์กับทนายความว่าจะไม่ยื่นประกันตัวและพร้อมเข้าสู่เรือนจำ เนื่องจากก่อนหน้านี้นายเอกลักษณ์ ก็เคยติดคุกมาแล้วหลายครั้งแล้ว
++++++++++++++++++++++++
 

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.