ณพลเดช ยกพระโอวาทสมเด็จพระสังฆราช ชูการศึกษาพระปริยัติธรรม ช่วยการเรียนรู้ตลอดชีวิต รับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
เมื่อวันที่ 13 มกราคม ดร.ณพลเดช มณีลังกา ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า วันนี้ขอเปิด พระโอวาทสมเด็จพระสังฆราช ในการเปิดการแข่งขันทักษะทางวิชาการโรงเรียนพระปริยัติธรรม ซึ่งมีข้อความดังต่อไปนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระบัญชาโปรดให้เชิญพระโอวาท มาในการเปิดการแข่งขันทักษะทางวิชาการโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ระดับประเทศ ประจำปีการศึกษา 2567 ภายใต้กิจกรรม “53 ปี พระปริยัติธรรมก้าวหน้าด้วยสายธารแห่งพระเมตตา” ดังต่อไปนี้
“ขออนุโมทนาสาธุการที่ท่านทั้งหลาย มาร่วมการแข่งขันทักษะทางวิชาการโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ระดับประเทศ ประจำปีการศึกษา 2567 ภายใต้กิจกรรม “53 ปี พระปริยัติธรรมก้าวหน้าด้วยสายธารแห่งพระเมตตา” ในวันนี้ ขออนุโมทนาท่านผู้จัดงาน และท่านผู้เข้าร่วมทุกรูปทุกคน ซึ่งเป็นที่คาดหมายได้ว่าจะเป็นผู้ยังประโยชน์แก่คณะสงฆ์และประเทศชาติอย่างยิ่ง ขออนุโมทนาบุญ ในการที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และบุคลากรผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้ทำหน้าที่เกื้อกูลภารกิจนี้ มาเป็นอย่างดี
การจัดการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำรงบทบาทของคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนาในสังคมไทย หากศึกษาประวัติศาสตร์ชาติไทย ย่อมเห็นประจักษ์ว่า คณะสงฆ์คือผู้อุทิศสรรพกำลังวางรากฐานการศึกษาของชาติมาตั้งแต่ต้น นับแต่อดีตสมัย ตราบถึงยุคปฏิรูปในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระบรมราโชบายให้สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ทรงนำคณะสงฆ์ทั่วสังฆมณฑล ชักนำประชาชนทั่วราชอาณาจักรให้ได้ศึกษาเล่าเรียนอย่างมีระบบระเบียบตามหลักสูตรและการจัดการที่ทันสมัยได้มาตรฐาน คณะสงฆ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ในปัจจุบันนี้ จึงยังคงมีหน้าที่ในการทำนุบำรุงการศึกษา สงเคราะห์ เป็นหนึ่งในภารกิจหลักสืบมา
ท่านทั้งหลายผู้เป็นนักเรียน ตลอดจนเป็นผู้มีส่วนจัดการและสนับสนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา จึงพึงภาคภูมิใจในเกียรติประวัติ พร้อมกันนั้น ก็พึงตระหนักถึงคุณภาพการจัดการศึกษา โดยเฉพาะคุณภาพทางวิชาการ อย่าให้หย่อนยานหรือต่ำกว่ามาตรฐานของการจัดการศึกษาในภาครัฐและภาคเอกชนได้เป็นอันขาด อย่าให้ใครปรามาสได้ว่า การศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา มีไว้ก็เพียงเพื่ออนุเคราะห์คนด้อยโอกาส หรือเป็นแค่ส่วนซ่อมเสริมการศึกษาภาคอื่นๆ เท่านั้น หากแต่ขอจงกำหนดวิสัยทัศน์ให้การศึกษาปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษามีคุณภาพสมเป็นเป้าหมายของเด็กและเยาวชนไทย ที่จะเข้าศึกษาเป็นตัวเลือกแรกๆ ในชีวิต ให้พ่อแม่ผู้ปกครองได้รู้สึกอยากจะเลือกส่งบุตรหลานมาเข้าศึกษาในแผนกนี้ เพราะจะได้บุตรหลานที่มีทั้งความรู้คู่คุณธรรม เพื่อเป็นบุคลากรคุณภาพของบ้านเมืองได้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ดี วิสัยทัศน์ทั้งนี้คงจะเป็นไปไม่ได้เลย หากท่านทั้งหลายไม่ทำหน้าที่อย่างสมหน้าที่ โดยสมัครสมานสามัคคีร่วมมือกันด้วยความวิริยอุตสาหะอย่างจริงจังและจริงใจ จึงขอถวายกำลังใจและขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่าน สามารถเล่าเรียนและปฏิบัติบริหารจัดการพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษา สมตามพระบรมราโชบายและสมตามนโยบายของคณะสงฆ์ มีสรรพกำลังพรั่งพร้อมในอันที่ประกอบกรณียกิจตามบทบาทหน้าที่ที่ดำรงอยู่ได้อย่างสมบูรณ์สืบไป ได้เวลาอันสมควรแล้ว ขอเปิดการแข่งขันทักษะทางวิชาการโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ระดับประเทศ ประจำปีการศึกษา 2567 ภายใต้กิจกรรม “53 ปี พระปริยัติธรรมก้าวหน้าด้วยสายธารแห่งพระเมตตา” ณ บัดนี้ ขออำนวยพรให้การจัดงานบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และขอให้ทุกท่านจงเจริญงอกงามในธรรมะของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งๆ ขึ้นไป เทอญ.”
ดร.ณพลเดช ระบุว่า จากพระโอวาทข้างต้นโดยมี สมเด็จพระธีรญาณมุนี ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ได้กล่าวดำรัสของสมเด็จพระสังฆราชฯ ในการเปิดการแข่งขันทักษะทางวิชาการโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาในครั้งนี้ ผมเห็นถึงความสำคัญของการศึกษาในฐานะเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาคนและสังคม โดยเฉพาะการศึกษาพระปริยัติธรรมที่มีบทบาทสำคัญในสังคมไทยมาตั้งแต่อดีต การจัดการศึกษาดังกล่าวไม่ได้เพียงมุ่งเน้นให้ผู้เรียนมีความรู้ในเชิงวิชาการ แต่ยังปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม และความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการสร้างคนดีและคนเก่งที่พร้อมจะเป็นกำลังสำคัญของชาติ
หากเราจะเปรียบเทียบกับการศึกษาของยุโรปและอเมริกา ถือเป็นตัวอย่างของระบบการศึกษาที่ประสบความสำเร็จในระดับสากล จะพบว่ามีแนวคิดและวิธีการหลายประการที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาการศึกษาพระปริยัติธรรมให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการสร้างเด็กให้เรียนรู้ได้เร็วขึ้น การพัฒนาทักษะการตัดสินใจที่เฉียบแหลม และการเตรียมตัวให้พร้อมเป็นทรัพยากรบุคคลชั้นนำของโลกแล้วได้แนวทางดังนี้
การศึกษาพระปริยัติธรรมในบริบทของไทย ในพระโอวาท สมเด็จพระสังฆราชฯ ได้เน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาในฐานะรากฐานของการพัฒนาสังคมไทย โดยพระพุทธศาสนาและคณะสงฆ์มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานการศึกษาให้แก่ประชาชนมาตั้งแต่อดีต การศึกษาพระปริยัติธรรมไม่เพียงแต่ให้ความรู้ในเชิงศาสนา แต่ยังมุ่งเน้นการพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรมของผู้เรียน เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีคุณค่า อย่างไรก็ตาม พระโอวาทยังได้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการพัฒนาคุณภาพของการศึกษาพระปริยัติธรรมให้มีมาตรฐานทัดเทียมกับระบบการศึกษาในภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะในด้านวิชาการ เพื่อให้การศึกษาพระปริยัติธรรมเป็น “เป้าหมายแรก” ของเด็กและเยาวชนไทย ไม่ใช่เพียง “ทางเลือก” สำหรับผู้ด้อยโอกาส
การศึกษาของยุโรปและอเมริกา: แนวทางสู่การพัฒนาคนอย่างยั่งยืน ระบบการศึกษาของยุโรปและอเมริกาได้รับการยอมรับในระดับสากลว่าเป็นระบบที่สามารถพัฒนาเด็กและเยาวชนให้มีทักษะรอบด้าน ทั้งในด้านวิชาการ ความคิดสร้างสรรค์ และการพัฒนาตนเอง ระบบการศึกษาเหล่านี้มีจุดเด่นหลายประการที่ส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้เร็วขึ้น มีความสามารถในการตัดสินใจที่เฉียบแหลม และเติบโตเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพสูง
1. การเรียนรู้แบบกระตือรือร้น (Active Learning): ระบบการศึกษาของยุโรปและอเมริกาให้ความสำคัญกับการเรียนรู้แบบกระตือรือร้น โดยผู้เรียนมีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ผ่านการตั้งคำถาม การทดลอง และการแก้ปัญหา วิธีการนี้ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์และพัฒนาทักษะการตัดสินใจที่สำคัญ
– การศึกษาพระปริยัติธรรม: สามารถนำแนวคิดนี้มาปรับใช้โดยส่งเสริมให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการอภิปรายหลักธรรมคำสอน การตั้งคำถามเกี่ยวกับปรัชญาและศีลธรรม รวมถึงการนำหลักธรรมไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
2. การพัฒนาทักษะด้านภาษา: ยุโรปและอเมริกาให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เรียนสามารถสื่อสารและแข่งขันในระดับสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
– การศึกษาพระปริยัติธรรม: นอกจากการเรียนรู้ภาษาบาลีและสันสกฤต ซึ่งเป็นรากฐานของพระพุทธศาสนาแล้ว ยังสามารถเพิ่มการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ เช่น ภาษาอังกฤษหรือภาษาจีน เพื่อเพิ่มโอกาสในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาในระดับนานาชาติ
3. การเรียนรู้แบบบูรณาการ: ระบบการศึกษาของตะวันตกมุ่งเน้นการบูรณาการความรู้จากหลากหลายสาขาวิชา เช่น การนำความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และศิลปะมาผสมผสานกัน (STEAM Education) เพื่อสร้างทักษะที่หลากหลายให้แก่ผู้เรียน
– การศึกษาพระปริยัติธรรม: สามารถบูรณาการหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนาเข้ากับความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อให้ผู้เรียนมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งและสามารถประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
4. การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning): การศึกษาของยุโรปและอเมริกาปลูกฝังแนวคิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยส่งเสริมให้ผู้เรียนใฝ่รู้และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง แม้จะจบการศึกษาไปแล้ว
– การศึกษาพระปริยัติธรรม: หลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาเน้นการพัฒนาสติ สมาธิ และปัญญา ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิต การปลูกฝังแนวคิดนี้ในผู้เรียนจะช่วยให้พวกเขามีความพร้อมที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
การบูรณาการแนวคิดเพื่อพัฒนาการศึกษาพระปริยัติธรรม เมื่อพิจารณาจากจุดเด่นของการศึกษาพระปริยัติธรรมและระบบการศึกษาของยุโรปและอเมริกา จะเห็นได้ว่ามีแนวทางหลายประการที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาการศึกษาพระปริยัติธรรมให้ก้าวหน้าขึ้น
1. การพัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัย: หลักสูตรการศึกษาพระปริยัติธรรมควรได้รับการปรับปรุงให้ทันสมัย สอดคล้องกับความต้องการของโลกในศตวรรษที่ 21 โดยเพิ่มเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัล ทักษะด้านภาษา และการคิดเชิงวิพากษ์
2. การพัฒนาครูผู้สอน: ครูผู้สอนควรได้รับการอบรมและพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และปลูกฝังคุณธรรมให้แก่ผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามหากได้ต้นแบบแม่พิมพ์ที่มีการศึกษาดีโดยอาจจะมีการสอนออนไลน์โดยให้อาจารย์ที่มีการศึกษาดีในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศและในระดับโลกจะสร้างแรงกระตุ้นให้นักเรียนมีความทะเยอทะยานเพื่อที่จะไปให้ถึงดังต้นแบบแม่พิมพ์ไปถึง
3. การส่งเสริมการเรียนรู้แบบบูรณาการ: การศึกษาพระปริยัติธรรมควรบูรณาการความรู้จากหลากหลายสาขาวิชา เช่น การนำหลักธรรมคำสอนมาประยุกต์ใช้กับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อให้ผู้เรียนสามารถเข้าใจและแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนได้
4. การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ: การศึกษาพระปริยัติธรรมควรสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาผู้เรียนให้มีศักยภาพในระดับสากล โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจจะมีการแลกเปลี่ยนนักเรียนระหว่างประเทศที่สำคัญทางพุทธศาสนา เช่นจีน สิงคโปร์ ไต้หวัน รวมถึง อินเดีย และศรีลังกา
5. การปลูกฝังแนวคิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต: การศึกษาพระปริยัติธรรมควรปลูกฝังแนวคิดการเรียนรู้ตลอดชีวิตให้แก่ผู้เรียน เพื่อให้พวกเขามีความพร้อมที่จะพัฒนาตนเองและปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคต
บทสรุป: การศึกษาคือกุญแจสู่การพัฒนาทรัพยากรบุคคลชั้นนำของโลก
การศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกสามัญศึกษาในประเทศไทยมีศักยภาพที่จะพัฒนาไปสู่การเป็นระบบการศึกษาที่มีคุณภาพสูง หากได้รับการสนับสนุนและปรับปรุงให้สอดคล้องกับความต้องการของโลกในปัจจุบันและอนาคต การนำแนวคิดและวิธีการจากการศึกษาของยุโรปและอเมริกามาประยุกต์ใช้ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่การศึกษาพระปริยัติธรรมในด้านการพัฒนาทักษะวิชาการ การคิดวิเคราะห์ และการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม