มาตรการ “Easy E-Receipt 2.0” สำหรับปี 2568 กรมสรรพากรเปิดตัวเพื่อเป็นมาตรการให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาลดหย่อนค่าซื้อสินค้าและบริการสูงสุด 50,000 บาท ระหว่างวันที่ 16 มกราคม - 28 กุมภาพันธ์ 2568
มาตรการนี้มีเป็นนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โปร่งใสผ่านระบบดิจิทัล และสนับสนุนสินค้าชุมชนอย่างยั่งยืน
"ฐานเศรษฐกิจ" ได้รวบรวมไฮไลต์สำคัญของ “มาตรการ Easy E-Receipt 2.0” จำนวน 26 คำถาม และ 26 คำตอบ ซึ่งอ้างอิงข้อมูลจากกรมสรรพากร เพื่อเคลียร์ข้อสงสัยกับประชาชนที่ต้องการใช้สิทธิ์ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.มาตรการ “Easy E-Receipt 2.0” ให้สิทธิประโยชน์อะไร
- ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการในราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ได้สูงสุด 50,000 บาท
2.ซื้อสินค้าหรือรับบริการจากผู้ใดจึงได้สิทธิหักลดหย่อนตามมาตรการนี้
- (1) ซื้อสินค้าหรือรับบริการจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือจากผู้มิได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท
- (2) หักลดหย่อนได้เพิ่มอีกตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 20,000 บาท ถ้า
- (2.1) ซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์(OTOP) ซึ่งลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว
- (2.2) ซื้อสินค้าหรือรับบริการจากวิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนต่อกรมส่งเสริมการเกษตร
- (2.3) ซื้อสินค้าหรือรับบริการจากวิสาหกิจเพื่อสังคมที่จดทะเบียนต่อสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
ทั้งนี้ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการตามข้อ (1) รวมถึงค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการตามข้อ (2) ด้วย เช่น ซื้อสินค้า OTOP 50,000 บาท สามารถหักลดหย่อนได้ 50,000 บาท
3.ค่าซื้อสินค้า OTOP ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการที่จ่ายให้แก่วิสาหกิจชุมชน และค่าซื้อสินค้าหรือ ค่าบริการที่จ่ายให้วิสาหกิจเพื่อสังคมหักลดหย่อนได้เท่าไร
- หักลดหย่อนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท
4.ผู้ได้สิทธิหักลดหย่อนตามมาตรการ “Easy E-Receipt 2.0” คือผู้ใด
- ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเท่านั้น แต่ไม่รวมถึงห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
5.การซื้อสินค้าหรือการรับบริการจากผู้มิได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มสามารถหักลดหย่อนได้ทุกกรณีหรือไม่
ได้เฉพาะกรณีซื้อสินค้าหรือรับบริการดังต่อไปนี้
- หนังสือ หนังสือพิมพ์และนิตยสาร
- หนังสือ หนังสือพิมพ์และนิตยสารที่อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต
- สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์(OTOP) ซึ่งลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชนแล้ว
- สินค้าหรือบริการของวิสาหกิจชุมชนที่จดทะเบียนต่อกรมส่งเสริมการเกษตร
- สินค้าหรือบริการของวิสาหกิจเพื่อสังคมที่จดทะเบียนต่อสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม
6.ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการใดที่ไม่สามารถหักลดหย่อนได้
- ค่าซื้อสุรา เบียร์ และไวน์
- ค่าซื้อยาสูบ
- ค่าซื้อน้ำมัน ค่าซื้อก๊าซ และค่าบริการอัดประจุไฟฟ้าสำหรับเติมยานพาหนะ
- ค่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์และค่าซื้อเรือ
- ค่าสาธารณูปโภค ค่าน้ำประปา ค่าไฟฟ้า ค่าบริการสัญญาณโทรศัพท์ ค่าบริการสัญญาณอินเทอร์เน็ต
- ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการและผู้รับบริการสามารถใช้บริการดังกล่าวนอกเหนือจากระยะเวลาระหว่างวันที่ 16 มกราคม 2568ถึงวันที่ 28กุมภาพันธ์ 2568เช่น ค่าสมาชิกต่าง ๆ
- ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย
- ค่าบริการจัดนำเที่ยวที่จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยว
- ค่าที่พักในโรงแรม ค่าที่พักโฮมสเตย์ไทย
- ค่าที่พักที่ไม่เป็นโรงแรมตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม
7.วิสาหกิจชุมชนต้องเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคลที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากกรมสรรพากรเท่านั้นหรือไม่
- จะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ แต่ต้องจดทะเบียนต่อกรมส่งเสริมการเกษตร
8.วิสาหกิจเพื่อสังคมต้องเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมที่จดแจ้งขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่อกรมสรรพากรเท่านั้นหรือไม่
- ต้องเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคมที่จดทะเบียนต่อสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม โดยจะจดแจ้งขอรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่อกรมสรรพากรหรือไม่ก็ได้
9.ผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการต้องแจ้งข้อมูลใดให้ผู้ประกอบการใช้ออก e-Tax Invoice หรือ e-Receipt
- ชื่อและนามสกุล
- ที่อยู่
- เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลขประจำตัวประชาชน)
- เมื่อแจ้งข้อมูลส่วนบุคคลถูกต้องครบถ้วนแล้ว ข้อมูลการซื้อสินค้าและการรับบริการจะปรากฏใน My Tax Account ของผู้เสียภาษี และสามารถใช้ในการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของปีภาษี 2568
10. e-Tax Invoice หรือ e-Receipt มีข้อความไม่สมบูรณ์ เช่น เขียนชื่อหรือที่อยู่ผู้ซื้อสินค้าผิด สามารถนำมาใช้หักลดหย่อนได้หรือไม่
- หาก e-Tax Invoice มีรายการครบถ้วน แม้จะมีการระบุชื่อหรือที่อยู่ผู้ซื้อสินค้าผิด ก็สามารถนำมาใช้หักลดหย่อนได้ทั้งนี้ ควรตรวจสอบว่าเลขประจำตัวประชาชนของผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการถูกต้องหรือไม่เพื่อประโยชน์ในการใช้ข้อมูลยื่นแบบแสดงรายการภาษี
11.ค่าซ่อมรถสามารถหักลดหย่อนได้หรือไม่
- ได้ หากซ่อมและจ่ายค่าซ่อมระหว่างวันที่ 16 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 และได้รับ e-Tax Invoice
12.ค่าซื้อจักรยานที่ติดเครื่องยนต์สามารถหักลดหย่อนได้หรือไม่
- ไม่ได้ เพราะตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ จักรยานยนต์หมายความรวมถึงจักรยานที่ติดเครื่องยนต์ด้วย
13.ค่าซื้อทองรูปพรรณสามารถหักลดหย่อนได้หรือไม่
- ได้ เฉพาะค่ากำเหน็จ (ตามมูลค่าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม) หากได้รับ e-Tax Invoice
14.ค่าซื้อทองคำแท่งสามารถหักลดหย่อนได้หรือไม่
- ไม่ได้ เนื่องจากการขายทองคำแท่งได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
15.กรณีมีสัญญาใช้บริการระยะยาวที่มีระยะเวลาสัญญาเริ่มต้นก่อนวันที่ 16 มกราคม 2568 หรือสิ้นสุด หลังวันที่ 28 กุมภาพันธ์2568 โดยมีส่วนที่ชำระและใช้บริการระหว่างวันที่ 16 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์2568 ด้วย สามารถหักลดหย่อนค่าบริการเฉพาะส่วนที่ใช้บริการในช่วงเวลา ดังกล่าวได้หรือไม่
- ไม่ได้ เนื่องจากเป็นค่าบริการสำหรับบริการที่มีข้อตกลงซึ่งเริ่มต้นก่อนวันที่ 16 มกราคม 2568 หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 28 กุมภาพันธ์2568
16.กรณีชำระค่าบริการระหว่างวันที่ 16 มกราคม 2568 ถึงวันที่28 กุมภาพันธ์2568 แต่ใช้บริการหลังวันที่ 28 กุมภาพันธ์2568 จะหักลดหย่อนได้หรือไม่
- ไม่ได้ เนื่องจากต้องชำระค่าบริการและใช้บริการระหว่างวันที่ 16 มกราคม 2568 ถึงวันที่28 กุมภาพันธ์ 2568 เท่านั้น
17.ค่ารักษาพยาบาลหรือค่าทำศัลยกรรมสามารถหักลดหย่อนได้หรือไม่
- ไม่ได้ เนื่องจากการให้บริการของสถานพยาบาลได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม
18.ค่าซื้อบัตรเพื่อแลกรับบริการสามารถหักลดหย่อนได้หรือไม่
- ไม่ได้ เนื่องจากการขายบัตรเพื่อแลกรับบริการไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
- แต่หากนำบัตรเพื่อแลกรับบริการไปแลกรับบริการระหว่างวันที่ 16 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์2568 ซึ่งสามารถคำนวณมูลค่าและออก e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ได้สามารถหักลดหย่อนตามมูลค่าดังกล่าวได้
19.ค่าซื้อบัตรของขวัญ (Gift Voucher) และค่าซื้อบัตรเติมเงินสามารถหักลดหย่อนได้หรือไม่
- ไม่ได้ เนื่องจากการขายบัตรของขวัญหรือบัตรเติมเงินไม่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
- แต่หากนำบัตรของขวัญหรือบัตรเติมเงินไปแลกซื้อสินค้าหรือรับบริการระหว่างวันที่ 16 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งสามารถคำนวณมูลค่าและออก e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ได้สามารถหักลดหย่อนตามมูลค่าดังกล่าวได้
20. e-Tax Invoice & e-Receipt คืออะไร และแตกต่างจากใบกำกับภาษีและใบรับในรูปแบบกระดาษอย่างไร
- e-Tax Invoice และ e-Receipt คือ ใบกำกับภาษี (e-Tax Invoice) และใบรับ (e-Receipt) ที่ได้มีการจัดทำข้อความขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์และได้ลงลายมือชื่อโดยใช้ใบรับรองอิเล็กทรอนิกส์(Electronic Certificate) ทั้งนี้ ผู้ออก e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ต้องได้รับอนุมัติจากกรมสรรพากรให้ออกได้
21. ผู้ซื้อมีที่อยู่ตามทะเบียนบ้านกับที่อยู่ในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแตกต่างกันให้ใช้ที่อยู่ใด
- จะใช้ที่อยู่ตามทะเบียนบ้านหรือที่อยู่ปัจจุบันก็ได้
22.กรณีจ่ายค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการหลายครั้ง จะสามารถนำมูลค่าการซื้อสินค้าหรือการรับบริการแต่ละครั้งมารวมกันเพื่อใช้สิทธิได้หรือไม่
- ได้ แต่รวมกันแล้วต้องไม่เกินที่กำหนด
23.กรณีจ่ายค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการครั้งเดียว โดยมูลค่าการซื้อสินค้าหรือการรับบริการนั้นสูงกว่าที่กำหนด สามารถใช้สิทธิได้หรือไม่
24.e-Tax Invoice หรือ e-Receipt มีชื่อผู้ซื้อสินค้าหลายคนสามารถหักลดหย่อนได้หรือไม่
- ไม่ได้ e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ต้องมีชื่อผู้ซื้อสินค้าหรือผู้รับบริการเพียงคนเดียว
25.กรณีe-Tax Invoice มีทั้งรายการสินค้าและบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มและที่ไม่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มจะหักลดหย่อนอย่างไร
- สามารถหักลดหย่อนได้เฉพาะค่าซื้อสินค้าและค่าบริการที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เว้นแต่ค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการตามข้อ 5 สามารถหักลดหย่อนได้แม้จ่ายให้แก่ผู้มิได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
26.สามารถตรวจสอบรายชื่อร้านค้าที่ได้รับอนุมัติให้ออก e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ได้ที่ใด
ที่มาข้อมูล : กรมสรรพากร