นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว ถึงโอกาส ที่กีฬามวยไทย จะถูกบรรจุเข้าร่วมการแข่งขันในโอลิมปิกเกมส์ ในอนาคตว่า ที่ผ่านมาเคยคุยกับ สหพันธ์สมาคมมวยไทยนานาชาติ หรือ อีฟม่า ว่าให้ยกตัวอย่างมาว่าประเภทกีฬาไหนที่มีชื่อประเทศแล้วได้บรรจุเข้าโอลิมปิก ซึ่งยอมรับว่ายาก

”เราต้องพูดกันตรงๆ แล้วที่ผ่านมาส่วนนี้ใช้งบประมาณค่อนข้างเยอะ ใน 8 ปีข้างหน้า โอลิมปิกเกมส์ 2 ครั้งหลังจากนี้ เราคุยกันถึงเรื่องมวยสากล ก็มีโอกาสที่จะถูกถอดออก แต่ถามว่าอยากเห็นมวยไทยบรรจุในโอลิมปิกหรือไม่ ..อยากครับ เพราะมวยไทยถือเป็นกีฬาประจำชาติของเรา อยากให้มีการเดินหน้าต่อ แต่ก็ต้องมานั่งดูความเป็นจริงกับงบประมาณที่ใช้คุ้มค่าหรือไม่“

รัฐมนตรีกีฬา กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะมุ่งไปคือการพัฒนาตั้งรางฐานของเยาวชน จะให้หน่วงงานในแต่ละจังหวัด ทั้ง การกีฬาแห่งประเทศไทย, องค์การบริหารส่วนจังหวัด, โรงเรียน, สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด และอื่นๆ ได้ทำงานร่วมกันแบบจริงๆจังๆ ตัวอย่างเช่นในอนาคต 5 กีฬาในแต่ละจังหวัด จะต้องบังคับ 2 กีฬา อาจจะเป็นมวยไทยกับฟุตบอลเป็นกีฬาบังคับ แล้วอีก 3 กีฬาคัดเลือกกันเองตามความสามารถของแต่ละจังหวัด

“เราพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้มวยไทยมีเพียง 1 องค์กรเท่านั้นที่สามารถรับรองได้ทั่วโลก เหมือนเทควันโดทุกสายที่น้องๆเรียนหรือได้มาจะต้องผ่านกระบวนการและต้องจ่ายเงินให้รัฐบาลเกาหลีใต้ เช่นเดียวกันมวยไทยก็ควรจะเป็นแบบนั้น แต่ตอนนี้ยังกระจัดกระจายอยู่ และใช้งบประมาณค่อนข้างเยอะ”

“ที่ผ่านมาเคยให้สัมภาษณ์ไปว่าการโรดโชว์ หากไม่จำเป็นก็เบาลงหน่อย เนื่องจากมันย่ำอยู่กับที่ ทั้งๆที่ภาคเอกชนเขาไปไกลแล้ว ทั้งนี้ทั้งนั้นยังพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่”

นายสรวงศ์ กล่าวว่า มวยไทยต้องปรับ ไม่ปรับไม่ได้ แต่สิ่งที่ต้องคงอยู่คือเรื่องของวัฒนาธรรม ต้องเข้าใจว่าทุกวันนี้พฤติกรรมคนดูเปลี่ยนไป ทุกอย่างมันสั้นไปหมดมวยทุกวันนี้ยังมีชก 3 ยก แต่ที่ขาดไม่ได้คือเรื่องวัฒนาธรรมประเพณีการไหว้ครู ยังต้องมีอยู่ สิ่งที่เป็นมวยไทยจะต้องเป็นมวยไทย ไม่ใช้คิกบ็อกซิ่ง ไม่ใช่เควัน ต้องเป็นมวยไทย.