เปิดคำให้การ นักโทษคดียาเสพติด แหกคุก เรือนจำชั่วคราวห้วยกลั้ง เผยสาเหตุหนี ทั้งที่ใกล้ได้รับการปล่อยตัวแล้ว เล่าเมื่อคืนอยู่ที่ไหน หลังตำรวจตามล่ากระชั้น
จากกรณีนักโทษคดียาเสพติด ซึ่งเป็นผู้ต้องขังชายเรือนจำชั่วคราวห้วยกลั้ง สถานกักขังอำเภอหลังสวน ต.วังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร หลบหนีออกจากเรือนจำตั้งแต่เวลาประมาณ 15.00 น.ของวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เรือนจำและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หลังสวน ระดมกำลังออกค้นหาตลอดทั้งคืนแต่ยังไม่พบตัวแต่อย่างใด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 21 ม.ค.2568 พ.ต.อ.ฉลาด พลนาการ ผกก.สภ.หลังสวน รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบบุคคลดังกล่าวลักษณะคล้ายกับผู้ต้องขังที่หลบหนีออกจากเรือนจำชั่วคราวห้วยกลั้ง นั่งอยู่บนชานชาลาสถานีรถไฟบ้านควนหินมุ้ย ม.9 ต.นาขา อ.หลังสวน จ.ชุมพร
จึงประสานทางการรถไฟให้หยุดการชั่วคราว พร้อมสั่งการให้ พ.ต.ท.ธีรนันท์ ชุมวรฐายี รอง ผกก.สส.สภ.หลังสวน พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุรพศ สุทธิเกิด รอง ผกก.กก.สส.ภ.จว.ชุมพร นำกำลังเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบจับกุม พร้อมกับเจ้าพนักงานเรือนจำอำเภอหลังสวน นำโดย นายสมชบ แก้วภราดัย ผบ.เรือนจำอำเภอหลังสวน
เมื่อไปถึงสถานีรถไฟควนหินมุ้ย ซึ่งห่างจากเรือนจำชั่วคราวห้วยกลั้ง ประมาณ 2 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ไม่พบ นายเชาวพัตร์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องโทษที่หลบหนีแต่อย่างใด จึงได้กระจายตรวจค้นโดยรอบสถานีรถไฟ พร้อมกับขึ้นไปตรวจสอบพบตู้โดยสาร
จนพบตัวนายเชาวพัตร์นั่งอยู่บนตู้โดยสารรถไฟขบวนหลังสวน-ธนบุรี เจ้าพนักงานชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวและหมายจับศาลจังหวัดหลังสวน ที่ จ.8/2568 ลงวันที่ 20 ม.ค.2568 ให้นายเชาวพัตร์ดูและอ่านจนเข้าใจดีแล้ว ให้การยอมรับว่า เป็นบุคคลตามหมายจับนี้จริง และไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมจึงได้ควบคุมตัวมาสอบสวนที่ สภ.หลังสวน
จากการสอบสวน นายเชาวพัตร์ ให้การสารภาพว่า เมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ตนซึ่งเป็นผู้ต้องขังที่ใกล้จะพ้นโทษแล้ว และได้มาอยู่ที่เรือนจำชั่วคราวแห่งนี้เพื่อรอพักโทษก่อนปล่อยตัว
นายเชาวพัตร์ ให้การต่อว่า โดยทางเรือนจำได้ให้ผู้ต้องขังแห่งนี้ฝึกวิชาชีพก่อนปล่อยไปจะได้มีอาชีพติดตัว ส่วนตนอยู่ประจำแผนกล้างอัดฉีด ซึ่งตนคิดถึงบ้าน จึงฉวยโอกาสหลังจากที่แม่และญาติมาเยี่ยม และเมื่อกลับไปได้ฝากเงินไว้ให้ 500 บาท
นายเชาวพัตร์ ให้การอีกว่า ตนจึงเดินออกไปจากแผนกล้างรถ โดยเดินลัดเลาะไปตามเส้นทางเลียบรางรถไฟก่อนจะเดินขึ้นไปอยู่บนเขาน้ำทรัพย์ ซึ่งห่างจากเรือนจำไปไม่มากนัก
นายเชาวพัตร์ ให้การต่อว่า เมื่อเดินขึ้นไปอยู่บนยอดสุดของเขาน้ำทรัพย์ ก็ได้นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บนเขา และตนก็เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจากที่สูงกำลังเดินหาตน จึงได้เก็บซ่อนตัวอยู่เงียบ ๆ จนกระทั่งช่วงเช้ามืดจึงได้เดินลงมาจากเขา มุ่งหน้ามาที่สถานีรถไฟบ้านควนหินมุ้ย เพื่อจะนั่งรถไฟไปลงที่สถานีทุ่งตะโก อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร เพื่อไปหาปู่
นายเชาวพัตร์ ให้การอีกว่า และก่อนจะขึ้นไปที่สถานีรถไฟ ก็ได้แอบเอาเสื้อของชาวบ้านที่ตากแขวนไว้มาเปลี่ยนใส่ และขึ้นไปนั่งบนห้องโดยสารเตรียมเดินทาง แต่ก็มาถูกจับกุมเสียก่อน
ด้าน พ.ต.อ.ฉลาด กล่าวว่า หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หลังสวน ได้รับการประสานพร้อมแจ้งความจากเจ้าหน้าที่เรือนจำหลังสวนแล้ว ก็ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลงพื้นที่ออกค้นหา ที่คาดว่าผู้ต้องขังรายนี้จะไป แต่ที่ผ่านมาตลอดทั้งคืน ก็ไม่พบ
พ.ต.อ.ฉลาด กล่าวต่อว่า จนกระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีพลเมืองดีแจ้งว่าพบบุคคลต้องสงสัยมีลักษณะคล้ายผู้ต้องขังที่หลบหนี จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปตรวจสอบพบว่าบุคคลดังกล่าวคือ นายเชาวพัตร์ ผู้ต้องขังที่หลบหนีไป
เจ้าหน้าที่จึงได้นำหมายจับมาแสดงพร้อมนำมาสอบสวนที่ สภ.หลังสวน และแจ้งข้อกล่าวหา ฐาน “หลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาลของพนักงานอัยการ ของพนักงานสอบสวน หรือของเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา” ส่งดำเนินคดีต่อไป