“ธนินท์” เชื่อ ศก.ไทยยังโต ชี้รัฐหนุนท่องเที่ยวมาถูกทาง แต่ต้องมีเป้าชัดเจน แย้มค่าแรง 600 บาทรับได้ ด้าน "สารัชถ์" แนะไทยต้องเร่งปรับตัวเอง พร้อมแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน ย้ำสังคม-ศก.ไม่หยุดรอ
เมื่อวันที่ 3 ก.พ.68 นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภค กล่าวในงานสัมมนา “Future Thailand: Next Groieth” โดยระบุว่า รัฐบาลควรเร่งทำการกระตุ้นภาคท่องเที่ยว และบริหารภาคการเกษตร-เทคโนโลยีในการผลิต และการศึกษา โดยการท่องเที่ยวถือว่าเป็นภาคธุรกิจที่ได้เงินเร็วที่สุด แต่ที่ผ่านมารัฐบาลยังไม่ได้ตั้งเป้าหมาย หรือเจาะจงคนที่มาเที่ยวเมืองไทยอย่างไรซึ่งฝากรัฐบาลต้องมาตั้งงบประมาณ ทำเป้าหมายให้ชัดเจน
ส่วนภาคธุรกิจควรส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี เช่น การใช้โดรน การใช้หุ่นยนต์ ใช้ AI และ ซอฟแวร์ เข้ามาช่วยบริหารจัดการเพื่อช่วยการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิพลให้มากขึ้น ขณะเดียวกันในประเทศควรมีการเพิ่มทักษะคน เช่น การปรับรูปแบบให้จบปริญญาตรีเร็วขึ้น และทักษะการใช้เทคโนโลยี เพื่อเป็นช่องทางการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะสูง หลังอัตราการเกิดของคนน้อยลง เพราะเชื่อว่าจะเห็นค่าแรงสูงถึง 600 บาท/วันได้ ซึ่งทางบริษัทพร้อมจ่าย อีกทั้งเรื่องพลังงานไฟฟ้ามีความจำเป็นที่ต้องพัฒนา โดยเฉพาะพลังงานสะอาด อย่างพลังงานนิวเคลียร์ที่ต้องเร่งทำการศึกษา และนำมาใช้อย่างจริงจัง พราะมองว่าแสงอาทิตย์และลมไม่เพียงพอ
ขณะที่ภาคการเกษตร ที่ผ่านมาแม้โลกกำลังปั่นป่วน แต่ประเทศไทยประสบปัญหาเพียงน้ำท่วม และภัยแล้ง ซึ่งรัฐบาลต้องจริงจังกับเรื่องปรับปรุงระบบชลประทานแบบบูรณาการ ทั้งต้นน้ำ ปลายน้ำ เพื่อสนับสนุนภาคการเกษตรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การแก่ปัญหาภัยแล้ง การแก้ปัญหาน้ำท่วม ตลอดจนการปรับรูปแบบการลงทุนในส่วนของเส้นทางคมนาคมให้เข้าถึงพื้นที่การเกษตรมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนผลักดันให้ผลผลิตพืชผลไม้สามารถเติบโต
“ทุกวันนี้ทุกๆอย่างใช้เทคโนโลยี ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เช่น พันธุ์พืชที่ก็ต้องใช้เทคโนโลยี เรื่องปุ๋ย ซึ่งเป็นอาหาร รถแทร็กเตอร์ที่ต้องเอาเทคโนโลยีมาใส่ รวมถึงโดรนที่ช่วยในการดูแลพื้นที่จนถึงเรื่องโลจิสติกส์ ค้าปลีกต่างๆ ซึ่งล้วนใช้ AI เข้ามาช่วย”
ด้าน นายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวอลลอปเมนท์ และประธานกรรมการบริหาร แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส กล่าวในงาน CHULA THAILAND PRESIDENTS SUMMIT 2025 “Future Thailand: Energizing Socirtty” ประเทศไทยโชคร้ายที่ไม่มีทรัพยากรอื่นในการผลิตไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่สำคัญ แต่ในปัจจุบันเทรนด์โลกก็เริ่มมองหาพลังงานที่สะอาด และต้นทุนถูกลง อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ธุรกิจหลายอย่างต้องปรับตัว ใช้แรงงานคนในระดับปฏิบัติการน้อยลง ใช้ Data มากขึ้น ทำให้ตัวเองหันมาลงทุนใน AIS ซึ่งเป็น Digital Infrastructure และการลงทุนใน Cryptocurrency ที่หากเราเริ่มลงทุนช้าอาจจะเสียโอกาสให้กับต่างประเทศ ขณะเดียวกัน ท่ามกลาง Trade War ของโลก เครื่องจักรทางเศรษฐกิจของประเทศไทยหลายตัวอาจจะไม่ได้รับผลกระทบมากนักเช่น การท่องเที่ยว การเกษตร หรือสาธารณสุข เป็นต้น รวมถึงปัญหาภายในประเทศก็ยังต้องเร่งแก้ไข ทั้งหนี้สาธารณะ หนี้ครัวเรือน ต้องพึ่งรัฐบาลมาช่วยแก้ไข ถ้าเศรษฐกิจดี ทุกอย่างจะดีขึ้นด้วย
“ถ้าเราไม่ปรับตัวอาจจะเป็นประเทศที่ถูกลืมในเอเชีย เราเคยเป็นประเทศที่หลายที่อยากแข่งกับเรา แต่วันนี้หลายประเทศก็แซงเราไปแล้ว เพราะสังคมและเศรษฐกิจไม่หยุดรอเรา” นายสารัชถ์กล่าว