เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ตอบกระทู้ที่ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา ตั้งถามกรณีมาตรการส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) การกำหนดค่าตอบแทนสิทธิประโยชน์ และความคืบหน้าของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) อสม. พ.ศ. … ว่า สำหรับการเพิ่มประสิทธิภาพ อสม. ที่ผ่านมามีการอบรมทักษะพื้นฐานในการทำงาน เพิ่มทักษะความเชี่ยวชาญ ฝึกอบรมความรู้ความเชี่ยวชาญ ฝึกอบรมความรู้เฉพาะทาง ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล แอพพลิเคชั่น สมาร์ท อสม. พร้อมขับเคลื่อนนโยบายคนไทยทุกครอบครัวมีหมอประจำตัว 3 คน

นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในปี 2568 จะพัฒนาศักยภาพ เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับไม่ติดต่อเรื้องรัง หรือโรค NCDs เชิญชวนประชาชนนับการบริโภคคาร์โบไฮเดรต หรือ “นับคาร์บ” พัฒนาการคัดกรองโรค คัดกรอง NCDs ติดตามเยี่ยมบ้านกับเจ้าหน้าที่ทุกสัปดาห์ ร่วมกิจกรรมและรณรงค์และแก้ไขปัญหา NCDs ในชุมชน

“ส่วนการกำหนดค่าตอบแทนให้อสม.นั้นเป็นไปเหมาะสม และจะให้ยั่งยืน ซึ่งมีการร่างพ.ร.บ.อสม. ในหมวด 3 และเสนอให้มีกองทุนอสม. หากช่วยเหลือดูแลทำให้ประชาชนลดการเจ็บป่วยจาก NCDs ที่เป็นโรคที่ใช้งบประมาณจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ถึงร้อยละ 52 หรือ 79,000 ล้านบาทต่อปี จะนำส่วนนี้เข้าให้กองทุน นอกจากนี้สมัยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เพิ่มค่าป่วยการ 2,000 บาทต่อเดือน เป็นครั้งแรก” นายสมศักดิ์ กล่าวอย่างไรก็ตาม นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการตั้งมูลนิธิ อสม. เพื่อให้มีสวัสดิการ เนื่องจากยังไม่มีกฎหมายให้โดยตรง ในเรื่องประสบสาธารณภัย จะช่วย 2,500-5,000 บาท อุบัติเหตุจากการปฏิบัติหน้าที่ 1,000-5,000 บาท เงินฌาปนกิจสงเคราะห์ ช่วยเหลือค่าห้องพิเศษ สิทธิการประกาศเกียรติคุณและเชิดชูเกียรติ เป็น อสม.ดีเด่น รางวัลชัยนาทนเรนทร อสม.ที่มีผลงานดีเด่นจะได้เป็นเงินรางวัล 1 แสนบาท สิทธิโควตาการศึกษาในสถาบันการศึกษาสังกัดกระทรวงสาธารณสุข การเข้าหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล 3,000 คน สำหรับคนที่มีความสามารถ

“นอกจากนี้ ถ้าเป็นสมาชิกสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ อสม.แห่งประเทศไทยได้คุยกับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้ว โดยวันที่ 17 ก.พ.นี้ จะให้กู้ โดยใช้ฌาปนกิจสงเคราะห์ค้ำประกัน คนรับสิทธิประโยชน์เมื่อ อสม.เสียชีวิตให้เซ็นรับรู้หนี้สิน เพื่อจะกู้ดอกเบี้ยถูก 6% จากเดิม 8% กู้ได้ 1 แสนบาท“ นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าของร่างพ.ร.บ.อสม.นั้น ตนก็เหนื่อยใจเหมือนกัน เข้ามารับตำแหน่ง 9 เดือนแล้ว สัปดาห์แรกก็จะทำร่างพ.ร.บ.ให้อสม. ร่างแล้วเสร็จ เมื่อ 6 เดือนก่อน ต่อมาวันที่ 7 ส.ค.67 นำต้นร่างเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) และ ส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ครม. รับฟังความเห็นของกรมบัญชีกลาง ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายบริหารกองทุนหมุนเวียนที่จะให้ความเห็น มีรองนายกฯ ดูแลกระทรวงการคลัง เป็นประธาน มีกรมบัญชีกลางเป็นเลขานุการ“ผมส่งเรื่องนี้ไปตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.67 และมีการพูดคุยโต้ตอบกันและส่งหนังสือไปด้วยไม่น้อยกว่า 7 ครั้ง และเมื่อวันที 16 ม.ค. 68 กรมบัญชีกลางขอข้อมูลเพิ่มเติมอีก 3 ประเด็น โต้ตอบกัน ไม่รวมโทรศัพท์ก็ 7 ครั้งแล้ว โต้ตอบกันไปมา จะบอกว่ากระทรวงสาธารณสุขไม่ทำงาน มัวไปไหน แต่ท่านไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ท่านต้องการ ก็เป็นความต้องการของกระทรวงสาธารณสุขที่อยากทำให้ อสม. ในทางราชการมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานอื่นด้วย” นายสมศักดิ์กล่าว

ด้าน นพ.เปรมศักดิ์ กล่าวว่า เพิ่งทราบสาเหตุที่ล่าช้า ของพ.ร.บ.นี้ ไม่เกี่ยวกับกระทรวงสาธารสุข ซึ่งแต่ก่อนเคยสงสัย เพราะสนใจกฎหมาย อสม. และเป็นกฎหมายใฝ่ฝันของชาวสาธารณสุขทุกคน อยากเห็นกฎหมายคลอดออกมาในยุคที่นายสมศักดิ์เป็นรัฐมนตรี ดังนั้นตนขอสำเนาเอกสาร เพื่อจะตามต่อที่กรมบัญชีกลาง เป็นการถามตอบที่มาราธอนมาก ทั้งที่เป็นเรื่องประเทศชาติบ้านเมือง กรณีนี้ถ่วงเวลาของกฎหมายนดีๆ ของประชาชนถึง 1.7 ล้านคน

“อสม.เป็นแขนขาของราชการที่ดูแลประชาชน โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ที่ผ่าน ขอเอกสารมาศึกษาและจะช่วยติดตาม และตั้งกระทู้ถามกระทรวงการคลัง ทำไมไม่รู้ร้อนรู้หนาว ความเดือร้อน อสม.ที่รอความช่วยเหลือจากทางราชการ อยากให้เป็นขวัญกำลังใจ อสม. จะได้ไม่ต้องขอค่าป่วยการครั้งแล้วครั้งเล่า จะได้ไม่รู้สึกว่า อสม.เรียกร้องมาก จริงๆ เขาไม่ได้เรียกร้อง ดังนั้นเพื่อความเหมาะสมยั่งยืน มีกฎหมายที่เป็นประโยชน๋ระยะยาวดีกว่า” นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว