สพฐ. กำชับร.ร.ปมให้ 0-ร-มส แนะช่วยกันสอดส่องน.ร. ป้องกันเหตุอันตรายวันวาเลนไทน์
GH News February 04, 2025 04:24 PM

‘สพฐ.’ กำชับ ร.ร.ให้ ‘0-ร-มส’ ตามมาตรฐาน ลดภาระเด็ก-ผู้ปกครอง

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมผู้บริหารระดับสูง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) รับทราบผลการดำเนินการทดสอบการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 และประถมศึกษาปีที่ 6 ปีการศึกษา 2567 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 2-3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีนักเรียนชั้น ม.3 และ ป.6 สมัครเข้าสอบ 476,000 คน คิดเป็นร้อยละ 91.37 ของจำนวนนักเรียนทั้งหมด

ว่าที่ร้อยตรีธนุกล่าวว่า สพฐ.ได้ส่งหนังสือซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการวัดและประเมินผลการเรียนรู้และการสอนซ่อมเสริม โดยมีเจตนากระตุ้นให้สถานศึกษากำกับ ติดตาม ช่วยเหลือ สอนซ่อมเสริมและดำเนินการวัดและประเมินผลกรณีนักเรียนมีผลการเรียนไม่สมบูรณ์ (ติด 0, ร, มส) เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาทั้งผู้เรียนและผู้สอน เพื่อให้การเรียนดีขึ้น ลดปัญหาของผู้เรียนในการติด 0, ร, มส โดยขอให้ทุกสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) แจ้งไปยังสถานศึกษาให้ถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ตามนโยบายเรียนดี มีความสุข ลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง

ว่าที่ร้อยตรีธนุกล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังรับทราบความคืบหน้าโครงการพาน้องกลับมาเรียน นำการเรียนไปให้น้อย (OBEC Zero Dropout) โดยทุกเขตพื้นที่ได้ดำเนินการค้นหาติดตามนักเรียนที่หลุดจากระบบการศึกษาอย่างเข้มข้น และกำหนดว่า ภายในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ ทั้ง 245 เขตพื้นที่จะต้องติดตามค้นหาเด็กให้ครบ 100% โดยขณะนี้มีประมาณ 138 เขตพื้นที่ที่สามารถติดตามเด็กได้ครบ 100% และอีกเรื่องที่สำคัญคือการเฝ้าระวังฝุ่นขนาดเล็ก PM2.5 อย่างต่อเนื่อง ตามที่รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีความห่วงใยเรื่องดังกล่าว จึงขอกำชับให้ทุกเขตพื้นที่เฝ้าระวังและติดติดเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด หากพบว่าพื้นที่ใดเป็นพื้นที่สีแดง ผู้อำนวยการสถานศึกษาสามารถสั่งปิดเรียนได้ทันที โดยไม่ต้องขออนุญาต สพฐ. ทั้งนี้ ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียนเป็นสำคัญ

“ที่ประชุมยังเน้นย้ำเรื่องการดูแลป้องกันเหตุอันตรายในช่วงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งตรงกับวันวาเวนไทน์ โดยกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยกันสอดส่อง ดูแลนักเรียนให้อยู่ในความประพฤติที่ถูกต้อง อยู่ในทำนองคลองธรรม

ส่วนเรื่องการเปิด-ปิดภาคเรียน สพฐ.ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือ ซึ่งทุกฝ่ายค่อนข้างเห็นด้วยให้เลื่อนการเปิด-ปิดภาคเรียนที่ 1 โดยให้เปิดเรียนตามเดิมคือวันที่ 16 พฤษภาคม แต่เลื่อนปิดเทอม จากเดิมวันที่ 11 ตุลาคม มาเป็นวันที่ 30 กันยายน ส่วนภาคเรียนที่ 2 ให้เป็นไปตามช่วงเวลาเดิม ความแตกต่างที่เกิดขึ้นคือภาคเรียนที่ 1 เด็กจะได้หยุดเรียนเป็นเวลา 1 เดือนเต็ม และสอดคล้องกับปีงบประมาณ สอดคล้องกับการบริหารอัตรากำลัง ฯลฯ ทั้งนี้ สพฐ.จะจัดทำข้อสรุปเพื่อเสนอให้ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการศธ. ลงนามให้ความเห็นชอบต่อไป” ว่าที่ร้อยตรีธนุกล่าว

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.