ดร.ปิ่นแก้ว ฉายสัมพันธ์ 3 เส้า เบื้องหลังวิวาทะวุ่น ตัดไฟช้า สะเทือนส่วย-หม้อข้าวชนกลุ่มน้อย
เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 ศ.ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี อาจารย์ประจำภาควิชาสังคมวิทยา และมานุษยวิทยา คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นถึงวิวาทะระหว่างหน่วยงานต่างๆในกรณีการระงับการส่งไฟฟ้าไปฝั่งประเทศพม่า เพื่อตัดวงจรธุรกิจสีดำเช่น คอลเซ็นเตอร์และการผลิตยาเสพติดว่า การตัดไฟแก๊งค์สแกมเมอร์ที่แสนยากเย็นของรัฐไทย สะท้อนผลประโยชน์มหาศาล และความสัมพันธ์ต่างตอบแทนในเขตชายแดนที่ทุนจีนเทา BGF และหน่วยงานรัฐไทย มีต่อกันอย่างแนบแน่น และความไม่เป็นเอกภาพของรัฐบาล ที่แม้มีอำนาจ ก็สั่งการอะไรไม่ค่อยได้ เป็นอย่างดี
ผลประโยชน์ต่างตอบแทนที่ว่าได้แก่อะไรบ้าง จึงเกรงอกเกรงใจกันนักหนา ? 1) ผลประโยชน์การขายไฟ ที่แม้กฟภ.จะออกมาปฏิเสธว่า รายได้จากการขายไฟเฉพาะในเขตเมียวดี ถือเป็นเปอร์เซ็นที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับรายได้รวมทั้งหมดของกฟภ. แต่โปรดอย่าลืมว่า สิ่งที่ไม่ถูกพูดถึง และมีการพยายามเบี่ยงเบนประเด็น น่าจะไม่ใช่แค่เรื่องเมียวดี แต่เป็น domino effect ที่จะสะเทือนถึงการขายไฟตลอดแนวชายแดนทั้งหมด หากยอมให้การตัดไฟที่เมียวดีเกิดขึ้นได้ ที่ตัวเลขรวมกันแล้วน่าจะหลักพันล้าน นายทุนใหญ่ที่ขายไฟให้การไฟฟ้า นายทุนท้องถิ่นที่เป็นนายหน้าติดตั้งระบบไฟในเมืองชายแดน และทำมาหากินกับการขายไฟต่อให้พวกแก๊งอาชญากรรมจีน ตลอดจนกฟภ.เอง ได้รับผลกระทบกันเต็มๆ ช่วงที่ผ่านมา จึงอยู่กันไม่สุข
2) ส่วยและการเกรงใจจีนเทา แก๊งค์สแกมเมอร์จีน ต้องถือว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่และเป็นลูกค้าชั้นดี ที่จ่ายส่วยเต็มเม็ดเต็มหน่วยมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา จ่ายทุกหน่วยงาน และจ่ายรอบวง ไม่ใช่แค่ให้กับกองกำลัง BGF แต่ให้กับหน่วยงานไทยที่ดูแลชายแดนทั้งหมด เป็นหน่วยงานไหนบ้าง กระทรวงมหาดไทย น่าจะทราบดี เพราะถือเป็นส่วยข้ามแดนรายใหญ่ที่มีเดิมพันสูง เนื่องเพราะเกี่ยวพันกับอาชญากรรมค้ามนุษย์ระดับโลก เมื่อปี 2566 สื่อไทยเคยรายงานข่าวเรื่องตำรวจไทยข้ามฟากไปเรียกเก็บส่วยจีนเทาในอัตราที่สูงขึ้น จน BGF โกรธถึงกับลุกขึ้นมาขู่จะปิดพรมแดน จนตำรวจต้องตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงขึ้นมา ซึ่งจนบัดนี้ ไม่ปรากฎว่าผลสอบออกมาเป็นอย่างไร การตัดไฟ ซึ่งจะนำไปสู่การย้ายฐานของแก๊งสแกมเมอร์รายใหญ่นี้ ย่อมหมายถึงการสูญเสียรายได้มหาศาลจากส่วยในชายแดนแม่สอด-เมียวดี ที่เจ้าหน้าที่รัฐไทย ได้รับผลกระทบเต็มๆ
3) ความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ระหว่างหน่วยงานความมั่นคงไทยกับกองกำลังชนกลุ่มน้อยชายแดน ที่พึ่งพาอาศัยกันและกัน และเลี้ยงดูปูเสื่อกันมายาวนาน การทุบหม้อข้าวของ BGF ด้วยการตัดไฟแก๊งค์สแกมเมอร์จีน ย่อมส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์เชิงอุปถัมภ์ดังกล่าว
ความสัมพันธ์สามสี่เส้าขนาดนี้ ช่วยตอบคำถามว่า เหตุใดขนาดมหาอำนาจจีน เดินทางมากดดันถึงประเทศ รัฐไทยยังทำตัวน้ำท่วมปาก โยนกลองกันไปมา ซึ่งถ้าหากไม่ใช่ เพราะว่านายกรัฐมนตรีกำลังจะไปจีน และต้องไปตอบคำถามเรื่องพวกนี้กับผู้นำของเขา ดิฉันก็ไม่แน่ใจว่า คำสั่งให้ตัดไฟจะสามารถออกจากปากของรองนายกรัฐมนตรีได้ในที่สุด
แต่ถึงจะมีคำสั่งโดยวาจาออกมาแล้วก็เถอะ เรามารอดูกันว่า จะตัดไฟจริงกันกี่โมง