"อาสพลธ์"ชี้ตัวเลขงบปี 69 น่ากังวล รัฐบาลหารายได้ไม่พอรายจ่าย ไม่เหลือพัฒนาประเทศ แถมต้องกู้เงินมาจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ ส่วนหนี้สาธารณะแตะร้อยละ 67.3 ต่อ GDP
เมื่อวันที่ 4 ก.พ.68 นายอาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุถึงการทำงบประมาณรายจ่ายปี 2569 ว่า รัฐบาลจัดเก็บรายได้ จากภาษีต่างๆ ได้ประมาณ 2.920 ล้านล้านบาท โดยมีรายจ่ายประจำ เช่น เงินเดือน บำเหน็จบำนาญ ค่ารักษาพยาบาล ค่าน้ำ-ไฟฟ้า ดอกเบี้ยเงินกู้ ประมาณ 2.645 ล้านล้านบาท ซึ่งต้องจ่ายชดใช้เงินคงคลัง โดยเป็นเงินที่รัฐบาลยืมเอามาใช้ในปี 2568 เนื่องจากเงินไม่พอใช้ ในปี 2569 จึงต้องใช้คืนเป็นอันดับแรก เพื่อให้ประเทศมีเงินคงคลัง ไว้ใช้กรณีฉุกเฉิน จำนวน 0.123 ล้านล้านบาท และ ใช้หนี้เงินกู้ ที่ครบกำหนดจ่าย เพราะไปยืมเงินเขามา 0.151 ล้านล้านบาท
นายอาสพลธ์ ระบุต่อว่า เบ็ดเสร็จ รัฐบาลเก็บภาษี และค่าธรรมเนียมต่างๆ รวมหาเงินได้ทั้งหมด เอามาจ่ายค่าใช้จ่ายประจำ ใช้หนี้เงินกู้ และหนี้เงินคงคลัง เงินจะหมด ไม่เหลือเงินมาพัฒนา หรือเงินมาก่อสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล น้ำประปา ฝาย ถนน สะพาน รถไฟรางคู่ ขยายสนามบิน แก้ปัญหาน้ำท่วม แห้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 แก้ปัญหายาเสพติด ช่วยเหลือชาวนา ชาวไร่ และอื่นๆ
“ในปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลจึงต้องไปกู้เงินมาเพิ่มอีกเพื่อลงทุนทำโครงการต่างๆ อีก 860,000 ล้านบาท ทำให้รัฐบาลติดหนี้สาธารณะสูงถึง 13.461 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 67.3% ต่อ GDP ซึ่งจากตัวเลขนี้น่ากังวลมาก เพราะเราหารายได้ไม่พอกับรายจ่าย และต้องกู้เงินมาจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ที่ไปกู้มาทุกปี น่ากังวลมาก ประเทศไทยจะทำอย่างไร เพราะรัฐบาลพยายามทำนโยบายประชานิยมอย่างเช่น การกู้เงินมาแจก อีกทั้งประชาชนยังประสบปัญหารายได้ไม่พอกับรายจ่าย ภาครัฐขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ก็มีปัญหาเพราะเงินงบประมาณไม่พอ”นายอาสพลธ์ ระบุ
ทั้งนี้ นายอาสพลธ์ ยังตั้งคำถามด้วยว่า เพื่อนๆคิดว่าเราจะลดรายจ่าย เพิ่มรายได้อย่างไรดี แสดงความคิดเห็นได้เลยครับ จะได้ไปบอกนายกรัฐมนตรี