YLG ชี้ ทองไทยมีโอกาสแตะ 50,000 บาท หากเงินบาทอ่อนค่า แนะนักลงทุนรอจังหวะราคาย่อตัว
เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ น.ส.ฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดล่วงหน้า (ฟิวเจอร์ส) เปิดเผยว่า ราคาทองคำล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ได้ขึ้นไปทำราคาสูงสุดใหม่ตลอดกาลที่ 2,882.32 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศก็ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาลที่ 45,650 บาทต่อบาททองคำ ในวันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ณ เวลา 11.05 น. โดยเป็นผลมาจากความกังวลในความไม่แน่นอนด้านนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะนโยบายการค้า อย่างการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าในหลายประเทศ และการกีดกันแรงงานข้ามชาติ ซึ่งถูกประเมินว่าแม้อาจส่งเสริมการค้างตัวในระดับสูงของเงินเฟ้อสหรัฐ จนสร้างให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่สามารถลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ตามแผน อย่างไรก็ตาม เมื่อประเมินถึงผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจในอนาคต กับภาวะทางการคลังของสหรัฐที่จะย่ำแย่ลง โดยภาพรวมความไม่นอนเหล่านี้จึงยังคงสนับสนุนราคาทองคำ
โดยนโยบาย tariff ไม่ได้มุ่งเน้นไปเพียงแค่ประเทศคู่ขัดแย้ง เช่น จีน เท่านั้น แต่ยังมุ่งเป้าไปยังพันธมิตร ทั้งแคนาดา ลาติน และยุโรป จากความไม่แน่นอนในการดำเนินโยบายของรัฐบาลทรัมป์ 2.0 ครั้งนี้ ที่มีผลให้เกิดความเสี่ยงทั้งในประเด็นสงครามการค้า, เงินเฟ้อในสหรัฐ, อัตราดอกเบี้ยของเฟด รวมไปถึงความขัดแย้งระหว่างประเทศ นักลงทุนจึงเล็งเห็นถึงความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นกับทั้งภาวะเศรษฐกิจและตลาดการเงินโลก ราคาทองคำจึงอาจเคลื่อนไหวในระดับสูงต่อไป
อีกทั้ง มีแรงซื้อทองคำอีกส่วนในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย จากความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง โดยล่าสุดเกิดประเด็นที่ทรัมป์เรียกฉนวนกาซาว่าเป็น “พื้นที่ที่ถูกทำลาย” พร้อมประกาศนโยบายเข้าไปบริหารฉนวนกาซา และให้ชาวปาเลสไตน์กว่า 2 ล้านคนออกไปตั้งถิ่นฐานในประเทศเพื่อนบ้าน แม้ในตอนนี้จะอยู่ในช่วงการเจรจาข้อตกลงหยุดยิง และการปล่อยตัวประกัน ระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสก็ตาม ในขณะที่ บรรดา 5 ชาติอาหรับทั้ง จอร์แดน, อียิปต์, ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้ร่วมลงนามจดหมายคัดค้านแผนการย้ายชาวปาเลสไตน์
สำหรับการเคลื่อนไหวของทองคำนั้นมองว่าระยะสั้นอาจมีแรงเทขายทำกำไรหลังจากราคาปรับขึ้นมาทำจุดสูงสุดใหม่ แต่มองว่าหลังผ่าน 2,850 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ มีโอกาสที่จะได้เห็นเป้าหมายถัดไปที่ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ในปีนี้ ขณะที่ราคาทองคำแท่งในประเทศนั้นก็มีโอกาสที่จะได้เห็น 50,000 บาทต่อบาททองคำในปีนี้เช่นกัน หากค่าเงินบาทอ่อนค่ามาอยู่ในโซน 35.10-35.20 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้นักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อทองคำนั้นแนะนำให้หาจังหวะราคาทองคำย่อตัว โดยทุกครั้งที่ราคาปรับขึ้นแรงจะมีการย่อตัว สามารถใช้จังหวะนั้นเข้าซื้อโดยแบ่งเงินลงทุนออกเป็นส่วนๆ และทยอยเข้าซื้อทีละส่วน โดยแนะนำแนวรับในการเก็งกำไรระยะสั้น 2,844 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ส่วนแนวรับหลักมองแนวถัดไปที่โซน 2,830-2,811 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
นอกจากนี้ในจังหวะที่ทองคำเคลื่อนไหวสลับทั้งบวกและลบ ยังเป็นโอกาสให้นักลงทุนเข้าลงทุนในตลาดฟิวเจอร์ส ที่สามารถทำกำไรได้ทุกสภาวะตลาด โดยล่าสุดวายแอลจีได้ออกโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่เปิดบัญชีกับ YLG Futures รับสิทธิ์ใช้งาน Trading View Essential Plan ที่จะมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้า 5 ด้าน 1.กราฟและอินดิเคเตอร์ครบครัน รวมถึง Volume Profile 2.เครื่องมือวาดรูปและฟีเจอร์ทางเทคนิค 3.การแจ้งเตือนราคา 4.ไอเดียเทรดจากคอมมูนิตี้ 5.ไม่มีโฆษณาและอีกจำนวนมาก
นอกจากนี้ วายแอลจีมองว่าการลงทุนสะสมทองคำรายเดือนแบบถัวเฉลี่ยต้นทุน DCA (Dollar-Cost-Average) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ เพราะจะทำให้นักลงทุนสามารถสร้างวินัยการสะสมทองคำ และเข้าถึงราคาทองได้หลากหลาย อีกทั้งปัจจุบันยังสามารถตั้งเวลาซื้อขายล่วงหน้าได้อีกด้วย สำหรับนักลงทุนมือใหม่วายแอลจีแนะนำแอปพลิเคชัน Get Gold by YLG ที่วายแอลจีเปิดให้บริการสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนซื้อขายทองคำโดยใช้เงินลงทุนเพียง 100 บาท ได้รับการตอบรับอย่างดี เนื่องจากตอบโจทย์การลงทุนของคนรุ่นใหม่ที่สามารถซื้อ-ขายทองคำ Gold Spot แบบเรียลไทม์ 24 ชั่วโมง เข้าถึงง่ายด้วยสมาร์ตโฟน และมีความน่าเชื่อถือ ด้านความปลอดภัย สามารถทำกำไรได้จริง