“จ้าวเสือใหญ่” ค่าย ม.กรุงเทพธนบุรี จากเด็กซอยเสือใหญ่ กลายมาเป็นนักชกเวทีโลก “วันใหญ่ลุมพินี” ที่มีค่าตัวที่สามารถเลี้ยงดูบุพการีได้อย่างยอดเยี่ยม ยอดกตัญญู และมี ครูเชษฐ์ “พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ เดชะพันธ์” แห่งค่ายมวย ส.เดชะพันธ์ ต้นแบบของคนดีช่วยยกระดับเยาวชนให้เป็นคนดี ชุบชีวิตใหม่ให้กลายเป็น “จ้าวเสือใหญ่” แห่งเวทีคาดเชือกทุกวันนี้
นายปิยะชาติ ช่างสุคนธ์ (ปริ๊น) ภูมิลำเนาเป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด ในซอยเสือใหญ่ ย่านรัชดา กรุงเทพมหานคร จบการศึกษาในระดับประถมศึกษา จากโรงเรียนเทพวิทยา ย่านลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร และในระดับมัธยมศึกษา จากโรงเรียนกุนนทีรุทธารามวิทยาคม ย่านรัชดา กรุงเทพมหานคร ปัจจุบัน เปลี่ยนชื่อเป็นโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้ากุนนที
ปริ๊น ในวัย 23 ปี ปัจจุบัน กำลังศึกษาอยู่ ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี ชั้นปีที่ 2 สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬาและสุขภาพ ภาคพิเศษ เรียนเฉพาะ วันอาทิตย์ มีผลการเรียนอยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งในช่วงเวลาที่อาจจะต้องมีการฝึกซ้อมหรือเก็บตัว เพื่อจะขึ้นชกในเวทีต่าง ๆ ก็จะมีขาดเรียนบ้างแต่ก็ก็จะตามงานกันการบ้านส่งอาจารย์ทุกครั้ง ไม่ให้เสียการเรียน โดยตามจากเพื่อนเพื่อนในห้องเรียนซึ่งเพื่อนเพื่อนก็ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนเป็นอย่างดีเพราะเพื่อนเพื่อนก็ส่วนใหญ่เป็นนักกีฬาด้วยกัน
ปริ๊นเป็นบุตรของ คุณพ่อปริชาติ ช่างสุคนธ์ อายุ 54 ปี อาชีพ รับเหมาตอกเสาเข็ม และคุณแม่ยุพิน นุพิศรี อาชีพแม่บ้านดูแลครอบครัวในบ้าน อายุ 50 ปี ปริ๊นมีพี่น้อง 4 คน รวมตนเองแล้ว ปริ๊นเป็นที่ 3 มีพี่สาว 2 คน แต่ที่ทำให้ตะลึงไปอีก ปริ๊นมีน้องสาว 1 คน ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นอนุบาล 3 ปริ๊นเล่าไปก็ขำๆ นิด เพราะมีน้องสาวตัวเล็กที่น่าเอ็นดูมากของบ้าน ปริ๊นบอกว่า เป็นน้องสาวคนสุดท้องลูกหลง ทำให้ทุกคนในบ้านต่างก็รักและเอาใจกันสุดๆ ไปเลย
ปริ๊น เล่าให้ฟังอีกว่า ปริ๊นเข้ามาอยู่ในแวดวงมวย ส.เดชะพันธ์ แห่งนี้ ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ ปี พ.ศ.2554 ในช่วงนั้นเกิดสถานการณ์น้ำท่วมพอดี ได้มีโอกาสเข้ามาอยู่ในความดูแลของ พันตำรวจโทสุรเชษฐ์ เดชะพันธ์ เจ้าของค่ายมวย เหตุที่ได้มีโอกาสเข้ามาอยู่ในค่ายนี้ ในช่วงที่เรียนอยู่ประถม ได้ชวนเพื่อนๆ ไปดูพี่ๆ นักกีฬามวยฝึกซ้อมที่ยิมมวย มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม ทุกๆ เย็น โค้ชได้เห็นว่า ตนเองมาดูการฝึกซ้อมมวยทุกๆ เย็น จึงได้ชักชวนมาลองฝึกซ้อม ก็รู้สึกว่าชอบ และโค้ช คนนั้น รู้จักกับพ่อ และ ท่านสุรเชษฐ์ ด้วยจึงได้พา ตนเอง และพ่อ ไปพบกันท่านสุรเชษฐ์ เพื่อฝากตัวเป็นนักมวยในค่าย ส.เดชะพันธ์ ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ เป็นรุ่นแรกๆ ของค่ายในขณะนั้น จนถึงทุกวันนี้ เป็นระยะเวลา 16 ปี แล้ว ถือได้ว่า ปริ๊น เป็นพี่ใหญ่อีกคนของค่ายที่ช่วย ท่านสุรเชษฐ์ ดูแลนักมวยรุ่นน้องในค่ายจำนวนกว่า 30 ชีวิต ที่อาศัยและอยู่กินในค่าย ซึ่งค่ายนี้ ถือเป็นบ้านหลังที่สองของทั้งปริ๊น และนักมวยในค่ายไปแล้ว มีท่านสุรเชษฐ์ ที่คอยดูแล และทุกคนเคารพท่านเป็น “พ่อ” อีกคนด้วย
ปริ๊น เล่าต่ออีกว่า “ตนเอง มีความคิดว่า ทำยัไงถึงจะออกมาจากสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยรอบที่อยู่ ที่เต็มไปด้วยอบายมุขต่างๆ เพื่ออนาคต ทั้งด้านการเรียน การใช้ชีวิต และหารายได้ช่วยครอบครัว เลี้ยงดูพ่อแม่ และตนเอง ส่งตัวเองเรียนหนังสือได้ โดยไม่ต้องเป็นภาระของครอบครัวด้วย จึงคิดว่า การเป็นนักมวยนี่แหละจะทำให้มีทุกอย่าง
ปริ๊นบอกว่า การเป็นนักมวย และกว่าจะมีชื่อเสียง “จ้าวเสือใหญ่” จนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายต้องใช้ความอดทน มุ่งมั่น ตั้งใจ ความพยามอย่างสูงมากๆ
ปริ๊นเริ่ม ชกมวยในค่าย ส.เดชะพันธ์ ตั้งแต่อายุ 7 ขวบ และท่านสุรเชษฐ์ก็ได้พาขึ้นเวทีการแข่งขันตามงานวัดต่างๆ ซึ่งเริ่มมีผลงานเป็นแชมป์เวทีมวยรังสิต รุ่นน้ำหนัก 32 กิโลกรัม ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ
ปริ๊นบอกอีกว่า อาชีพนักมวยของทุกคน ต้องผ่านเวทีงานวัดทุกคน ถือเป็นเวทีที่ให้เราได้รับประสบการณ์และก้าวขึ้นสู่เวทีในระดับใหญ่ได้ตามลำดับและโอกาส คล้ายกับการสะสมแต้มรายการแข่งขันต่าง ๆ ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่การฝึกฝนตนเอง ฝึกซ้อมมีความมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อ ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคใดๆ อย่างที่บอกไปแล้ว
ปริ๊น เล่าต่อว่า “ในค่าย ส.เดชะพันธ์ ขณะนี้มีนักมวย จำนวน 30 คน ซึ่งอยู่ในความดูแลของท่าน สุรเชษฐ์ ที่ดูแลนักมวยในค่ายเป็นอย่างดี กินนอนอยู่ในค่าย ท่านดูแลพวกเราเสมือนลูกๆ ของท่านให้ทุกคนมีอาชีพ มีรายได้เลี้ยงตนเอง ครอบครัวเป็นอย่างดี และพวกราก็เคารพ ท่านสุรเชษฐ์ เหมือนพ่ออีกคนของพวกเราด้วยเช่นกัน
ปัจจุบัน ปริ้น กำลังชกอยู่ในรายการเวทีมวย วันลุมพินีเล็ก ปริ้นบอกว่าหากทำฟอร์มการชกได้อย่างดีเยี่ยมเหมือนที่ผ่านมา หากไม่มีอะไรผิดพลาด ในการขึ้นชกครั้งต่อไป จะได้รับความเมตตาจากผู้ใหญ่ให้เซ็นสัญญาให้เป็นักมวยในเวที one champion chip ซึ่งเป็นเวทีระดับโลก ที่ล้วนมีทั้งนักชกและกรรมการมาจากมืออาชีพระดับโลกทั้งนั้น
ผลงานที่ผ่านมาของปริ๊น ในเวทีเล็ก วันลุมพินี (เล็ก) ปริ้นมีสถิติการชก ทั้งหมด 8 ครั้ง ชนะห้าครั้ง แพ้สองครั้ง แบ่งเป็นชนะน็อค 4 ครั้ง ชนะคะแน 2 ครั้ง และแพ้คะแนน 2 ครั้ง
นอกจากนี้ ผลงานที่เป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของปริ๊น คือ ได้รับรางวัล นักมวยที่ใช้ศิลปะแม่ไม้มวยไทยยอดเยี่ยมแห่งปี ในปี 2563 จากเวทีมวยช่องเจ็ดสี รวมถึง ผลงานและรางวัลอื่น ๆ อีกมากมาย
ปริ๊น บอกต่ออีกว่า “การชกมวยก็จะเจ็บตัวเป็นเรื่องปกติ ในขณะนั้นมีหลายครั้งที่เกือบจะทำให้ตนเลิกเป็นนักมวย เพราะโดนโค้ชผู้ฝึกสอนตี เนื่องจากว่าตนเองไม่มีระเบียบวินัยในการฝึกซ้อม ซึ่งโค้ชจะมีวิธีการสังเกตว่า นักมวยคนไหนขี้เกียจ หรือขยันมีวินัยในการฝึกซ้อม นั่นคือ เวลาซ้อมต้องมีเหงื่อออก ปริ๊นเล่าไป ก็ขำไป ในตอนฝึกซ้อม ถ้าใครเหงื่อไม่ออกก็จะโดนโค้ชทำโทษ โดยการตี จึงทำให้หลายครั้ง ปริ๊น รู้สึกท้อเกือบจะไม่ได้ไปต่อซะแล้ว แต่ทั้งนี้ ที่ถูกทำโทษ ทำให้ปริ๊นได้คิดว่า โค้ชมีความหวังดี ต้องการฝึกให้นักมวยเป็น มุ่งมั่น ตั้งใจ ขยัน อดทน ก็จะทำให้ผู้นั้นประสบความสำเร็จได้
ปริ๊น บอกว่าอีกว่า “อาชีพมวย ทำให้ปริ๊นมีชีวิตที่ดีทุกวันนี้ อาชีพมวย สร้างเงิน สร้างรายได้ มีชื่อเสียง ได้รับการยกย่อง ยอมรับ และได้ความเมตตาจากผู้ใหญ่หลายๆ ท่านที่ได้มอบโอกาสให้ปริ๊นมีทุกวันนี้ สามารถช่วยเหลือครอบครัว และส่งตัวเองเรียนหนังสือจนจบไม่ต้องรบกวนเงินของครอบครัวเลย ซึ่งได้มาจ สิ่งที่พรมีทุกวันนี้ทุกวันนี้ได้มาจากน้ำพักน้ำแรง จากการชกมวย จากการเจ็บตัวทั้งสิ้น
นอกจากนี้ มวยยังฝึกให้เราเป็นคนมีระเบียบวินัย รู้จักบริหารจัดการ ตื่น นอน และกินเป็นเวลา มวยสร้างความฝันให้ ปริ๊นตั้งปณิธานไว้ว่า ต้องเก่งและทำให้ได้เหมือนรุ่นพี่จะต้องมีความขยันมีความมุ่งมั่นและต้องทำให้ได้
ปริ๊นเล่าต่อไปอีกว่า “ตนเองเป็น คนที่ที่มีอุปนิสัยร่าเริง เข้ากับคนง่าย และที่สำคัญเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนเมื่ออยู่กับผู้ใหญ่ การเคารพผู้ใหญ่จะทำให้ได้รับความรักความเมตตาจากผู้ใหญ่เป็นอย่างดี ที่สำคัญ ต้องคิดดี พูดดี ทำดี เป็นเรื่องที่ปฏิบัติมาตลอด คุณพ่อคุณแม่ ก็รู้สึกภูมิใจที่เห็น ปริ๊นมีความพยายามและมีชื่อเสียงจนถึงทุกวันนี้ด้วยตัวของตัวเอง
ปริ้นบอกอีกว่า “ถ้าไม่ได้ต่อยมวยในค่ายนี้ ยังไม่รู้เลยว่าจะไปทำอะไรจะใช้ชีวิตยังไง ความฝันของปริ๊น อนาคต อยากเป็นแชมป์ เวทีมวย วันแชมเปี้ยนชิพ เพื่อให้ครอบครัวสุขสบายเวทีวันแชมเปี้ยนชิพถือเป็นเวทีมวยเวทีใหญ่ในระดับโลก มีการถ่ายทอดสดการชกไป 170 ประเทศทั่วโลก
ในอนาคตปริ้นคงจะผันตัวไปเป็นผู้ฝึกสอนมวย เป็นนักเทรนเนอร์ หรืออาจเปิดโรงเรียนสอนมวย เมื่ออายุถึงกำหนดของการชกปริ๊นบอกว่านักมวยส่วนใหญ่แล้วอายุของการเป็นนักมวยสิ้นสุดแค่อายุประมาณ 35 ปี
ปริ๊น มีทัศนคติทัศนคติ มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ อดทน มี พันตำรวจโทสุรเชษฐ เดชะพันธ์ เป็นแบบอย่างที่ดีประกอบกับคำสอนของพ่อ ว่า จะทำอะไร ต้องมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และใช้ความอดทนให้มาก
นอกจากนี้ปริ้นยังบอกอีกว่าที่สำคัญต้องคิดดีพูดดีทำดีทำในสิ่งที่ถูกต้องไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น และต้องไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน
สุดท้ายนี้ ปริ๊นอยากจะฝากบอก เยาวชนรุ่นหลังว่า ในอาชีพนักมวยเราต้องเป็นคนขยันฝึกซ้อม มีเป้าหมายที่แน่วแน่ ความฝันของเรา ต้องทำความฝันให้สำเร็จ จะต้องไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ และขอขอบคุณ พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ เดชะพันธ์ ที่ช่วยเหลือเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กยิ่งกว่าลูก ท่านเป็นแบบอย่างและเป็นทุกอย่างที่ดี ทำงานหนักเลี้ยงนักมวยในค่ายกว่า 30 ชีวิตตลอดระยะเวลาที่ตนเองได้อยู่กับท่านมา 16 ปี
ปริ้นรัก “รองเชษฐ์” เหมือนพ่ออีกหนึ่งคน ขอบคุณครับ