ทรัมป์เผยขั้นตอนฮุบกาซ่า – วันที่ 6 ก.พ. รอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่าทางการอิสราเอลจะส่งต่อฉนวนกาซ่าให้ทางการสหรัฐฯ หลังการสู้รบยุติลง และชาวปาเลสไตน์กว่า 2 ล้านคน ย้ายถิ่นฐานไปพำนักที่ดินแดนอื่นที่ปลอดภัย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของผู้นำสหรัฐเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสประณามและคัดค้านจากนานาชาติ รวมถึงชาติพันธมิตรตะวันตกของสหรัฐ ต่อการเสนอให้ชาวปาเลสไตน์นับล้านคนสมัครใจย้ายถิ่นฐานจากกาซ่าไปเป็นพลเมืองของอียิปต์และจอร์แดนแทน
โดยประธานาธิบดีทรัมป์ระบุก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะเข้ายึดครองกาซ่าและก่อสร้างใหม่ให้เป็น “แดนสวรรค์” แห่งตะวันออกกลาง เทียบได้กับเมืองสวรรค์ริมหาดอย่างเมืองริเวียร่าริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในฝรั่งเศส(และอิตาลี)
“อิสราเอลจะมอบฉนวนกาซ่าให้สหรัฐหลังการสู้รบจบลง ซึ่งกว่าจะถึงตอนนั้นชาวปาเลสไตน์ในกาซ่าจะได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ในดินแดนอื่นที่ปลอดภัย สวยงาม และบ้านเรือนพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีขึ้นในภูมิภาคตะวันออกกลาง ไม่จำเป็นต้องใช้ทหารอเมริกัน” ทรัมป์ระบุ
แผนยึดครองฉนวนกาซ่าของทรัมป์เรียกเสียงตอบรับอย่างพร้อมเพรียงจากทางการอิสราเอล โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิสราเอล เปิดเผยว่า เตรียมออกคำสั่งให้กองทัพอิสราเอลเปิดทางให้กับชาวปาเลสไตน์ที่สมัครใจต้องการออกจากดินแดนกาซ่าทางภาคพื้นดิน รวมถึงอิสราเอลจะช่วยเหลือสนับสนุนผู้ที่ต้องการอพยพออกจากกาซ่าทางอากาศและทางทะเลด้วย
แผนการของประธานาธิบดีทรัมป์ซึ่งประกาศออกมาอย่างกะทันหันสร้างความตกตะลึงไปทั่วโลก และถูกคัดค้านอย่างถึงที่สุด อาทิ จากกลุ่มฮามาส ทางการซาอุดีอาระเบีย ทางการอิหร่าน รวมถึงสหภาพยุโรป หรืออียู ที่แสดงความไม่เห็นด้วยกับแผนการของสหรัฐ ตลอดจนเสียงประณามจากนักวิชาการและนักสิทธิมนุษยชนทั่วโลก เนื่องจากฝ่าฝืนข้อบังคับสากล
ทั้งนี้ อนุสัญญาเจนีวา 1949 ถือว่าการบีบคั้นหรือบังคับให้กลุ่มผู้อยู่อาศัยต้องพลัดถิ่นฐานภายใต้การถูกยึดครองด้วยกำลังรบเป็น “อาชญากรรมสงคราม” ขณะที่ชาวปาเลสไตน์ส่วนใหญ่ ระบุว่า จะไม่ยอมออกไปจากแผ่นดินเกิดของตัวเองเด็ดขาด
