รักสามเส้า เราเกือบตาย หนุ่มพ่ายรักพ่อค้ากะทิ เจออยู่กับอดีตเมียเพิ่งเลิกกัน 2 เดือน เข้าไปหวังเคลียร์ปัญหา ดันขับรถหนี ก่อนซิ่งไล่ตาม ปาดกันไปมาตกคูน้ำทั้งคู่ ญาติ 2 ฝ่ายหวิดวางมวย หนุ่มเผยโดนโทรเยาะเย้ยไม่หยุด
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 7 ก.พ.68 ร.ต.ท.วรวิศ สิริรักษ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชุมพร ได้รับแจ้งจาก ร.ต.ท.วิษณุ มาตวิรัตน์ รอง สวป.สภ.เมืองชุมพร ว่ามีเหตุรถกระบะ 2 คัน คนขับทะเลาะวิวาทและเสียหลักตกลงในคูน้ำข้างทาง มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย บนถนนสายทางหลวงชนบทสาย จ. พื้นที่หมู่ 7 ต.บางหมาก อ.เมือง จ.ชุมพร จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมหน่วยกู้ชีพกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์
ที่เกิดเหตุพบรถกระบะโตโยต้า ทะเบียน บจ 8981 ชุมพร หัวปักเข้าไปในป่าของคูน้ำ ทราบชื่อคนขับคือ นายสัมฤทธิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ขณะเกิดเหตุยังเปิดประตู และนั่งอยู่ในรถ ส่วนอีกคันเป็นรถกระบะโตโยต้า ทะเบียน บน 7181 ชุมพร ด้านหน้ามาทางถนน บริเวณด้านหลังพบอุปกรณ์กระเด็นเกลื่อนกระบะ ทราบชื่อคนขับคือ นายดิเรก (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ขึ้นมายืนอยู่บนไหล่ถนนแล้ว
นอกจากนี้ยังพบ น.ส.จุฑารัตน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ซึ่งเป็นผู้โดยสารนั่งมากับ นายสัมฤทธิ์ สภาพเนื้อตัวมอมแมมไปด้วยโคลน กำลังยืนร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดบริเวณหน้าอก ขณะเดียวกันมีญาติๆ ของทั้ง 2 ฝ่ายกำลังรุมด่าทอกันต่างๆ นานา จนเกือบจะเกิดเหตุปะทะกัน เจ้าหน้าที่ต้องกันทั้งสองฝ่ายออกห่าง พร้อมนำตัว น.ส.จุฑารัตน์ ขึ้นรถพยาบาลนำส่ง รพ.ชุมพร
จากการสอบถาม นายสัมฤทธิ์ ทราบว่า ตนเป็นพ่อค้าขายกะทิสดอยู่ในตลาดสดเมืองชุมพร ได้คบหาและอยู่กินกับ น.ส.จุฑารัตน์ ซึ่งบอกตนว่าเป็นแม่ม่ายลูกติด และอยู่กินกันมาประมาณ 2 เดือนแล้ว ตลอดระยะที่อยู่ด้วยกัน ก็จะมีเรื่องกับอดีตสามีเก่าของ น.ส.จุฑารัตน์ มาโดยตลอด เพราะทางฝ่ายนั้นขอคืนดี และตนก็เคยให้ น.ส.จุฑารัตน์ ตัดสินใจเอง และ น.ส.จุฑารัตน์ ก็บอกขอเลือกตน และ นายดิเรก ก็รับรู้
นายสัมฤทธิ์ กล่าวอีกว่า จนเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ตนพร้อม น.ส.จุฑารัตน์ เดินทางมาจากบ้านที่ ต.ขุนกระทิง อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อจะไปเซ็นรับรองการย้ายโรงเรียนของลูกที่ ต.ท่ายาง อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อจะให้ลูกไปเรียนต่อที่โรงเรียนใน จ.นครราชสีมา กับ นายดิเรก ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ของลูก แต่เมื่อไปถึงหน้าโรงเรียน ตนและ น.ส.จุฑารัตน์ ยังไม่ทันจะลงจากรถ นายดิเรก ก็ปรี่เข้ามาหาในลักษณะไม่เป็นมิตร
ตนเห็นท่าไม่ดี จึงได้ขับรถหนีออกมา แต่ นายดิเรก ก็ได้ขับรถไล่ตาม และเมื่อแซงได้ก็จอดรถขวาง เปิดประตูถือเหล็กถือมีดลงมาด้วย ตนต้องขับหนีออกมาระยะทางกว่า 10 กม.และเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ นายดิเรก ได้ขับเบียดจะแซงขวา ตนพยายามขับปิดทาง จนในที่สุดรถของ นายดิเรก เสียหลักไปฟาดกับการ์ดเรลกลางถนน จนเสียหลักหมุนเคว้ง ตกลงร่องคูข้างถนน ส่วนรถตนก็บังคับไม่อยู่ เสียหลักตามตกลงไปในคูตามสภาพที่เห็น
ด้าน นายดิเรก ให้การว่า ตนต้องการพูดเคลียร์ปัญหากัน เพราะ นายสัมฤทธิ์ โทรศัพท์มาเยาะเย้ยตนหลายครั้ง และ น.ส.จุฑารัตน์ กับตนยังถือว่าเป็นสามีภรรยากันอยู่ ยังไม่ได้เลิกรากันแต่อย่างใด และเมื่อเป็นแบบนี้ ตนก็รู้สึกปวดใจมาก จึงต้องคุยกันอย่างลูกผู้ชาย แต่ยังไม่ทันได้คุย นายสัมฤทธิ์ ก็ขับรถหนี และตนก็ขับตามมา แต่ นายสัมฤทธิ์ นอกจากจะไม่จอดคุยแล้ว ยังพยายามจะเบรกรถให้ตนชนท้ายอีกด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในขณะที่กำลังสอบสวนเหตุอยู่ แม่และญาติๆ ของ น.ส.จุฑารัตน์ ซึ่งเข้าข้าง นายดิเรก ได้ตรงปรี่จะเข้าทำร้ายแม่และน้องสาวของ นายสัมฤทธิ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงต้องกันออกอีกครั้งพร้อมนำตัวทั้งสองฝ่ายไปสอบปากคำ ก่อนตกลงเจรจาในค่าเสียหายและไกล่เกลี่ยปัญหารักสามเส้าที่ สภ.เมืองชุมพร ต่อไป