เมื่อความรักไม่ได้มีแค่เรื่องของหัวใจ แต่ยังเชื่อมโยงกับศรัทธาและความเชื่อ ซีเจ มอร์ (CJ MORE) จึงร่วมตอกย้ำความเป็น ‘มากกว่าซูเปอร์มาร์เก็ต’ ผ่านการเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรัก พร้อมเสริมดวงความเฮงในงาน MU TALK เม้าท์เรื่องมู ภายใต้ธีม ‘ไขความรักสายมู: พระแม่ลักษมี เทพีแห่งความงาม ผู้ประทานพรเรื่องความรัก’ เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ณ อาคาร 393 สีลม
งานนี้เปิดเวทีทอล์กสุดเข้มข้น โดยเชิญมูรูตัวจริงอย่าง เชฟหมี – ผศ.คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง อาจารย์ประจำภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ทั้งยังเป็นนักวิชาการและนักเขียนผู้เชี่ยวชาญด้านปรัชญา วัฒนธรรมอินเดีย และศาสนาพราหมณ์-ฮินดู มาเล่าตำนานและปาฏิหาริย์ของ ‘พระแม่ลักษมี’ หนึ่งในองค์เทพสำคัญที่ได้รับการเคารพบูชาในฐานะเทพีแห่งความรักและความมั่งคั่ง พร้อมแนะนำ ‘การ์ดองค์เทพ’ ไอเทมเสริมมงคลจากแคมเปญ ‘ซีเจ มูร์ ช้อปโอมเพี้ยง ดวงเปรี้ยงรับปีใหม่’
นอกจากนี้ ผู้ร่วมงานยังได้สัมผัสประสบการณ์มงคลผ่าน เวิร์กชอปพับดอกบัวถวายพระแม่ลักษมี เพื่อเสริมดวงความรัก และเติมพลังศรัทธาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ตำนาน ‘พระแม่ลักษมี’ เทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ ความงาม และความรัก
ผศ.คมกฤช ปูพื้นฐานถึงตำนานการกำเนิดของ ‘พระแม่ลักษมี’ โดยเล่าว่า หากกล่าวถึงเทพีแห่งโชคลาภและความงามในศาสนาฮินดู ชื่อของ พระแม่ลักษมี คงเป็นชื่อแรกที่หลายคนนึกถึง คำว่า ‘ลักษมี’ มีความหมายว่า การได้รับมา หรือ การมีโชคลาภ ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทสำคัญของพระองค์ในฐานะผู้ประทานพรด้านความอุดมสมบูรณ์ มั่งคั่ง และความรัก
ตามคัมภีร์พระเวทซึ่งเป็นหนึ่งในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ที่เก่าแก่ที่สุดของศาสนาฮินดู พระแม่ลักษมีมีการกล่าวถึงมาแล้วกว่า 3,500-4,000 ปี โดยเฉพาะใน ‘ศรีสูกตะ’ ซึ่งเป็นบทสรรเสริญที่ยังคงถูกใช้สวดบูชามาจนถึงปัจจุบัน และในแทบทุกวัฒนธรรมมักมีเทพีที่เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ เช่น วีนัส ในวัฒนธรรมยุโรป แต่ในอินเดีย พระแม่ลักษมี คือเทพีที่ได้รับการเคารพบูชาในฐานะผู้มอบความมั่งคั่งและโชคลาภมาแต่โบราณ
หนึ่งในตำนานที่โด่งดังที่สุดเกี่ยวกับพระแม่ลักษมีคือ ‘ตำนานการกวนเกษียรสมุทร’ ซึ่งเล่าถึงเหตุการณ์ที่เหล่าเทวดาและอสูรร่วมกันกวนเกษียรสมุทรเพื่อสร้างน้ำอมฤต ท่ามกลางวัตถุศักดิ์สิทธิ์ที่ผุดขึ้นจากมหาสมุทร พระแม่ลักษมีได้ปรากฏขึ้นมาพร้อมกับความงามอันเจิดจรัส ทำให้พระองค์ได้รับการเคารพและยกย่องให้เป็นเทพีแห่งความอุดมสมบูรณ์ โชคลาภ และความรักนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ผศ.คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง อาจารย์ประจำภาควิชาปรัชญา คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
“เดิมทีพระแม่ลักษมีถูกเชื่อมโยงกับความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นผลผลิตจากแผ่นดินหรือความรุ่งเรืองของอาณาจักร อย่างไรก็ตาม เมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงไป แนวคิดเรื่อง โชคลาภ ได้ถูกตีความใหม่ให้ครอบคลุมถึง ทรัพย์สิน เงินทอง และความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน
“นอกจากนี้ พระแม่ลักษมียังได้รับการยกย่องว่าเป็น เทพีแห่งความรักและความงาม เนื่องจากในอดีตความงามถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ ใครที่มีรูปร่างอวบอิ่มแสดงว่ามีชีวิตที่มั่งคั่งและสุขสบาย ซึ่งสะท้อนถึงอำนาจของพระแม่ลักษมีในฐานะผู้อำนวยพรด้านความสุข ความสำเร็จ และความรัก” อ.คมกฤช กล่าว
ปัจจุบันความศรัทธาต่อพระแม่ลักษมียังคงแข็งแกร่ง โดยผู้คนนิยมบูชาพระองค์เพื่อขอพรด้านการเงิน ความเจริญรุ่งเรือง และชีวิตคู่ที่สมหวัง การบูชาพระแม่ลักษมีมักมาพร้อมกับพิธีกรรมพิเศษ เช่น การถวายดอกบัว หรือการสวดบท ศรีสูกตะ เพื่อเสริมสิริมงคลให้แก่ตนเองและครอบครัว
3 เคล็ดลับบูชาพระแม่ลักษมี
ผศ.คมกฤช ยังแนะเคล็ดลับอีกด้วยว่า การบูชาพระแม่ลักษมีเพื่อเสริมพลังแห่งความรักและความมั่งคั่ง ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่เพียงของไหว้เท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการปฏิบัติตามหลัก 3 ข้อ อย่างเคร่งครัด ได้แก่
นอกเหนือจาก 3 หลักการสำคัญนี้ ยังมีเคล็ดลับเสริมเพิ่มเติม เช่น การดูแลตัวเองให้ดูดี ไม่ปล่อยให้โทรม เพราะพระแม่ลักษมีเป็นสัญลักษณ์แห่งความงาม การแต่งตัวสะอาดสะอ้านและดูแลรูปลักษณ์ของตนเองจึงถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการเสริมพลังบวกและดึงดูดโชคลาภเข้าสู่ชีวิต
รู้จักเทพเจ้าสำคัญที่คอยคุ้มครองและเสริมโชคลาภ
ขณะเดียวกัน หากใครต้องการขอพรจากพระแม่ลักษมีให้สัมฤทธิผล สิ่งสำคัญคือต้องไหว้พระพิฆเนศก่อน ซึ่งเป็นหลักปฏิบัติที่ชาวฮินดูยึดถือมาอย่างยาวนาน โดย ผศ.คมกฤช ได้อธิบายว่า ‘พระพิฆเนศ’ ถือเป็น ‘เทพเจ้าแห่งการเริ่มต้น’ (God of Beginning) ไม่ว่าจะทำกิจการใด หรือบูชาเทพองค์ใด การเริ่มต้นด้วยการขอพรจากพระพิฆเนศจะช่วยเปิดทางให้สำเร็จราบรื่น
นอกจากการบูชาพระพิฆเนศและพระแม่ลักษมีแล้ว ในความเชื่อของคนไทยยังมีเทพอีกหลายองค์ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นสิริมงคล เช่น พระภูมิ ซึ่งในอดีตเป็นเทพประจำชุมชนที่ปกปักรักษาผู้คน ต่อมาเมื่อสังคมเปลี่ยนไป คนเริ่มนำพระภูมิมาตั้งภายในบ้านเพื่อคุ้มครองครอบครัว จึงกลายเป็นธรรมเนียมการสร้างศาลพระภูมิประจำบ้าน
เมื่อสังคมเมืองเติบโตขึ้นและธุรกิจขนาดใหญ่เริ่มเข้ามามีบทบาท คตินิยมความเชื่อของผู้คนแปรเปลี่ยนไป ทำให้ การสร้างพระพรหม แพร่หลายขึ้นแทนที่พระภูมิ โดยพระพรหมถือเป็นเทพแห่งพรหมวิหาร 4 ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ซึ่งเชื่อกันว่าจะเป็นพลังแห่งความร่มเย็นและสร้างความเจริญรุ่งเรืองแก่ธุรกิจนั่นเอง
อีกหนึ่งมหาเทพที่มีบทบาทสำคัญในศาสนาฮินดูคือ พระศิวะ ซึ่งเป็นหนึ่งในตรีมูรติ ร่วมกับพระพรหม (ผู้สร้าง) และ พระวิษณุ หรือ พระนารายณ์ (ผู้รักษา) พระศิวะได้รับการขนานนามว่าเป็น เทพแห่งการทำลาย แต่ไม่ได้หมายถึงการทำลายล้างในแง่ลบเท่านั้น หากแต่เป็นการทำลายสิ่งเก่าเพื่อให้เกิดสิ่งใหม่
ยิ่งไปกว่านั้น พระศิวะยังเกี่ยวข้องกับศาสตร์แห่งการแพทย์ เนื่องจากพระองค์เป็นโยคี และในอดีตโยคีมักมีหลักปฏิบัติในการปรุงยาเพื่อรักษาโรค ทำให้พระศิวะมีอีกพระนามที่ใช้เรียกขาน คือ ไวทยนาฏ หมายถึง ที่พึ่งของแพทย์ทั้งหลาย ซึ่งไม่ได้หมายถึงการรักษาทางกายเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงการเยียวยาทางจิตใจและการฝึกสมาธิ ทำให้พระศิวะได้รับการเคารพในฐานะเทพผู้ประทานพรด้านสุขภาพอีกด้วย
การจุดธูปเทียนบูชาองค์เทพในยุค PM 2.5
ในปัจจุบันที่มลพิษทางอากาศโดยเฉพาะ PM 2.5 กำลังแพร่กระจายอย่างหนัก ทำให้หลายสถานที่ต้องงดจุดธูปเทียนบูชาองค์เทพ ซึ่งสร้างคำถามว่า การอธิษฐานของเราจะถึงองค์เทพหรือไม่ ผศ.คมกฤช ได้ให้คำตอบว่า การบูชานั้นเป็นเรื่องของจิตใจ ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับพิธีกรรมใหญ่โต ชาวอินเดียเองก็ไม่ได้ยึดถือพิธีกรรมที่ซับซ้อน คนทั่วไปสามารถใช้ดอกไม้ 1 ดอก หรือหญ้าแพรก 1 กำมือ ในการบูชา และองค์เทพก็สามารถรับรู้ได้
หากต้องการทำพิธีกรรมที่เป็นทางการก็ไม่จำเป็นต้องจัดใหญ่โต ขอแค่มี ‘ควันหอม’ เพียงเล็กน้อยก็เพียงพอ สิ่งสำคัญคือเจตนารมณ์และความตั้งใจในการบูชา
อ.ศิริภัสสร โชควศิน สอนวิธีการพับดอกบัวแก่ผู้ร่วมงานอย่างใกล้ชิด
หลังจากรับฟังเรื่องราวเกี่ยวกับการบูชาองค์เทพต่างๆ อย่างเต็มที่แล้ว ก็ถึงเวลาสร้างความเป็นมงคลใน เวิร์กชอปพับดอกบัวสีชมพู ตัวแทนแห่งความรักความเมตตา ซึ่งในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก อาจารย์ศิริภัสสร โชควศิน จากโรงเรียนช่างฝีมือในวัง (หญิง) มาเป็นผู้สอนแบบใกล้ชิด โดยได้แนะนำและสอนวิธีพับดอกบัวถึง 3 แบบ ถือเป็นกิจกรรมที่สร้างความสุขและความเป็นสิริมงคลให้กับผู้เข้าร่วมงานได้เป็นอย่างดี
แม่หมอบิวตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์พยากรณ์
หนึ่งในผู้เข้าร่วมงานอย่าง แม่หมอบิวตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสตร์พยากรณ์ ได้แชร์ความรู้สึกของตนเองหลังจากการเข้าร่วมกิจกรรมว่า การได้มาร่วมกิจกรรม MU TALK เม้าท์เรื่องมู ในเดือนแห่งความรักเป็นสิ่งที่ดีมากๆ สิ่งที่ประทับใจอย่างแรกคือ เป็นงานที่กระชับมาก ไม่ต้องใช้เวลาทั้งวัน ประกอบกับมีอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถมาร่วมแชร์เรื่องราวประวัติศาสตร์เกี่ยวกับองค์พระแม่ลักษมีด้วย ถือเป็นความรู้ใหม่ๆ ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
“หลังจากนั่งฟังการบรรยายได้ความรู้แบบเต็มอิ่มแล้ว ยังมีกิจกรรมเวิร์กชอปพับดอกบัวอีกด้วย เพิ่งรู้ว่าการพับดอกบัวมีหลายแบบมากๆ ซึ่งจริงๆ แล้วเคยพับดอกบัวมาตั้งแต่เด็กๆ แต่ปัจจุบันก็ลืมไปแล้ว พอได้กลับมาพับอีก ความทรงจำวัยเด็กได้กลับมา และผลงานของเราที่ออกมาก็ประทับใจและภูมิใจในตัวเองมากๆ ทั้งยังสามารถนำดอกบัวที่เราได้พับนำไปบูชาองค์พระแม่ลักษมีที่บ้านได้อีกด้วย
“สำหรับในเดือนแห่งความรักนี้ สายมูทุกคนก็อย่าลืมไปไหว้องค์พระแม่ลักษมี และขอให้ทุกคนมีความรักที่สดใส และมีความรักที่ยั่งยืน มีความรักให้กันเยอะๆ รักตัวเอง รักคนอื่น และขอให้ความรักของทุกคนมีความสมหวังนะคะ” แม่หมอบิวตี้ ฝากทิ้งท้าย
ใครที่อยากสะสม ‘การ์ดมหามงคลองค์เทพเสริมดวง’ สุดพิเศษ ที่ออกแบบและปลุกเสกโดย อ.คฑา ชินบัญชร และ แม่หมอบิวตี้ ในแคมเปญ ‘ซีเจ มูร์ ช้อปโอมเพี้ยง ดวงเปรี้ยงรับปีใหม่’ เพียงแค่ซื้อสินค้าในซีเจครบทุก 200 บาท/ใบเสร็จ ก็สามารถรับการ์ดมงคลเสริมดวง 5 ลาย สุดฮิตไปสะสมได้ทันที มีทั้ง ลายพระพิฆเนศ งานสำเร็จเด็ดดวง, ลายพระแม่ลักษมี รักรุ่ง เสน่ห์พุ่ง, ลายพระพรหม เงินมา พารวย, ลายพระศิวะ สุขภาพปัง พลังบวก และ ลายซีเคร็ตสุดเอ็กซ์คลูซีฟ
นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมแจกวอลเปเปอร์เสริมดวงลายพิเศษ ที่ให้คุณพกพาความโชคดีไปได้ทุกที่ เพียงดาวน์โหลดผ่าน LINE @CJMORE มาช้อปรับความเฮงกับซีเจ มอร์ ได้ทุกสาขา ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568
สุดท้ายนี้ ซีเจ มอร์ (CJ MORE) และเครือมติชน ขอร่วมไว้อาลัยต่อการจากไปของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง ด้วยความอาลัยและเสียใจอย่างสุดซึ้ง ขอให้ท่านไปสู่สุคติและขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อครอบครัว พร้อมทั้งขอให้กำลังใจในการก้าวผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้
