‘กบข.’ โชว์ผลงานปี 2567 ปั้มผลตอบแทนแผนสมดุลตามอายุพุ่ง 8.93% พร้อมปรับกลยุทธ์ลงทุนรับมือความท้าทายปี 2568 หลังคาดเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว- FED เบรกลดดอกเบี้ยเหลือ 2 ครั้ง ชูสินทรัพย์กลุ่มเติบโต และให้ความสำคัญกับการลงทุนในหุ้นตลาดพัฒนาแล้ว แจงลุยลงทุนหุ้นไทยรายตัว เน้นกลุ่มโตสอดคล้องเศรษฐกิจ ปักหมุดกลุ่มท่องเที่ยว-กลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้จ่าย
24 ก.พ. 2568 – นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. ได้ติดตามสถานการณ์การลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด พร้อมปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก อาทิ การเติบโตของหุ้นเทคโนโลยีจากกระแส AI First ราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นจากแรงซื้อของธนาคารต่าง ๆ และแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ปรับลดลง ซึ่ง กบข. ได้ปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด กระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น หุ้นประเทศพัฒนาแล้ว หุ้นตลาดเกิดใหม่ ตราสารหนี้ และทองคำ
โดย ณ สิ้นปี 2567 กบข. มีขนาดกองทุนใหญ่ขึ้นเป็น 1.06 แสนล้านบาท รวมมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (รวมเงินสำรอง) ประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท สามารถสร้างผลตอบแทนแผนสมดุลตามอายุ (สัดส่วนใหม่) 8.93% แผนทองคำ 24.67% แผนหลัก 3.73% ซึ่ง กบข. สามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายผลตอบแทนการลงทุนระยะยาวชนะอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 10ปีย้อนหลัง บวก 2%
สำหรับปี 2568 กบข. ประเมินว่าเศรษฐกิจยังมีความผันผวนและไม่แน่นอนมากกว่าปีที่ผ่านมา แนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นยังมีความผันผวนค่อนข้างมาก เนื่องจากนักลงทุนมีทางเลือกลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น ทำให้เป็นอีกปีที่มีความท้าทายอย่างมาก โดยปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม อาทิ ปัญหาสงครามการค้าที่คาดว่าจะรุนแรงมากขึ้นกว่าเดิม และเกิดขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวที่ 2.10% ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) อาจปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ด้านเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะขยายตัวในช่วง 2.4-2.8% โดยปัญหาหนี้ครัวเรือนยังคงเปฺนความท้าทายของเศรษฐกิจไทย แต่ภาพรวมมีทิศทางที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ จากแนวโน้มดังกล่าว กบข. มีมุมมองเชิงบวกต่อสินทรัพย์กลุ่มเติบโต (Growth Assets) โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนในหุ้นตลาดพัฒนาแล้ว พร้อมกระจายการลงทุนไปยังตราสารหนี้เพื่อลดความผันผวน ขณะเดียวกัน ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ แต่ต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง และ กบข. ยังคงติดตามปัจจัยเสี่ยง จากนโยบายการคลังและภาวะเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด พร้อมปรับกลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนให้แก่สมาชิก
“กบข. ใช้ความระมัดระวังในการลงทุนและเน้นการ Selecion มากขึ้น โดยพิจารณาจาก 4 ปัจจัยเป็นหลัก คือ 1. พิจารณาสินทรัพย์ที่จะลงทุน 2. พิจารณาประเทศที่จะลงทุน 3. พิจารณาความเสี่ยงของสินทรัพย์ที่จะลงทุน และ 4. พิจารณาอัตราแลกเปลี่ยนของสินทรัพย์ที่จะลงทุน” นายทรงพล กล่าว
สำหรับสถานการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ปรับตัวลง จะมีผลต่อการปรับแผนการลงทุนของ กบข.อย่างไรนั้น นายทรงพล กล่าวว่า กบข.ไม่ได้มองภาพการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเป็นตะกร้า แต่มองเป็นรายตัว ดังนั้นจะเห็นว่าตั้งแต่ปีที่ผ่านมา กบข.ได้ปรับดัชนีอ้างอิงภายในของ กบข. จาก SET50 เป็น SET50 Free Float เพราะฉะนั้น กบข. จะดูลักษณะของตัวหุ้นที่อยู่ในตลาด และเราเลือกลงหุ้นเฉพาะตัว เป็น selection เช่นกลุ่มที่สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจประเทศ อาทิ กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้จ่าย เป็นต้น โดยหากเป็นหุ้นที่มีการซื้อขายบนกระดาน จะเน้นหุ้นที่ยังมีการเติบโต มี yield สูง ส่วนหุ้นที่ไม่ได้ซื้อขายบนกระดานจะเน้นไปที่ Private investment, Private Liquidity
นายทรงพล กล่าวอีกว่า ในส่วนของการขยายตลาดการลงทุนนั้น กบข. ยังให้ความสนใจกับตลาดที่มีการเติบโตสูง ทั้ง Develop market และ Emerging Market แม้ในปีที่ผ่านมาจะมีความผันผวนสูงมาก และปีนี้ก็ยังเชื่อว่าจะผันผวนมากกว่าปีก่อนก็ตาม แต่ กบข.จะเลือกลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรม หรือรายบริษัท โดยพิจารณาดูการเติบโตของจีดีพีในอุตสาหกรรม ซึ่งยังยืนยันว่าทั้ง Develop market และ Emerging Market กบข.ยังให้น้ำหนักของการลงทุนสูงอยู่ ขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น ยังเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ต้องยอมรับว่าต้องทำความเข้าใจ และต้องมีคุณลักษณะของความเป็นสินทรัพย์ก่อน เพราะฉะนั้นอาจจะเร็วเกินไปที่จะบอกว่า กบข. สนใจที่จะลงทุน หรือไม่สนใจที่จะลงทุน
อย่างไรก็ดี กบข. ยังได้ศึกษาความเพียงพอ ณ เกษียณของสมาชิก กบข. พบว่า 82% จากสมาชิก 1.2 ล้านราย มีโอกาสที่จะไม่บรรลุเป้าหมายความเพียงพอ ณ เกษียณในระดับดี ปัจจัยหลักมาจากอายุขัยเฉลี่ยที่ยืนยาวขึ้นถึง 80 ปี หนี้สินเฉลี่ยของสมาชิกวัยใกล้เกษียณ (55-60 ปี) สูงถึง 1.95 ล้านบาทต่อคน และค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2% ต่อปี
โดย กบข. เตรียมเดินหน้าส่งเสริมทักษะทางการเงินร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร และจัดกิจกรรมทั่วประเทศ เพื่อสื่อสารกระตุ้นให้สมาชิกออมเพิ่ม และเปลี่ยนแผนการลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หรือเลือกเปลี่ยนแผนการลงทุนมาอยู่ในแผนสมดุลตามอายุ เพื่อเพิ่มโอกาสให้สมาชิกสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงิน มีคุณภาพชีวิตที่มั่นคงหลังเกษียณ และเกษียณอย่างมีสุข