นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ลงพื้นที่เยี่ยมชมอาคารจัดแสดงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี และศูนย์วิจัยโบราณคดีบ้านเชียง โดยมี นายประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร นางสาวเพชรรัตน์ สายทอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม เข้าร่วม ณ แหล่งมรดกโลกบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี
นางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า การลงพื้นที่เยี่ยมชมพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานีและศูนย์วิจัยโบราณคดีบ้านเชียง ซึ่งรวบรวมจัดเก็บโบราณวัตถุในวัฒนธรรมบ้านเชียงและโบราณวัตถุยุคก่อนประวัติศาสตร์ร่วมสมัยวัฒนธรรมบ้านเชียงในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน พบว่า มีศักยภาพที่จะส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวตามนโนบายในการส่งเสริมการท่องเที่ยวและ Soft Power ของไทยให้เป็นที่รู้จักแพร่หลายไปสู่ระดับนานาชาติ และนโยบาย วธ. ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจวัฒนธรรมเพื่อการพัฒนาชุมชน สังคมอย่างยั่งยืน ปีนี้ วธ.มุ่งขับเคลื่อนประเทศไทยเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลกมาเที่ยวในมิติด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม โดยในส่วนการเสริมสร้างระบบนิเวศและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจวัฒนธรรมจะยกระดับการบริการของพิพิธภัณฑ์โบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์ หอสมุดแห่งชาติ และแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมของไทยให้เป็นที่รู้จักและเข้าสู่มาตรฐานสากล
“จังหวัดอุดรธานีถือว่าเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพในการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม เป็นจังหวัดที่มีแหล่งมรดกโลก 2 แห่งในจังหวัดเดียว คือ แหล่งโบราณคดีบ้านเชียงและอุทยานประวัติภูพระบาท ขณะนี้มีการบูรณาการจัดทำเส้นทางจังหวัดเดียวเที่ยว 2 มรดกโลกเชื่อมโยงระหว่างภูพระบาทและบ้านเชียง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาท่องเที่ยวในจังหวัดอุดรธานีเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นหลังจากนี้ต้องบูรณาการการทำงานประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ การทำข้อมูลเส้นทางท่องเที่ยว พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องและนำทุนทางวัฒนธรรมมาใช้เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเที่ยวแหล่งมรดกโลกเพิ่มมากขึ้น” รมว.วธ.กล่าว
สำหรับแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง มีหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ได้แก่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง สำนักศิลปากรที่ 8 ขอนแก่น โดยมีขอบเขตพื้นที่ประกอบด้วยพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียง โบราณสถานหลุมขุดค้นวัดโพธิ์ศรีใน บ้านไทพวนอนุสรณ์สถาน และแหล่งมรดกโลกบ้านเชียง ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2535 ด้วยคุณค่าความโดดเด่นตามเกณฑ์พิจารณามรดกโลกทางวัฒนธรรมในข้อ 3 คือ “เป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นเอกลักษณ์ที่หาได้ยากยิ่ง หรือเป็นพยานหลักฐานแสดงขนบธรรมเนียมประเพณีหรืออารยธรรม ซึ่งยังคงหลงเหลืออยู่หรือสูญหายไปแล้ว” โดยมีพื้นที่ประกอบด้วยแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงและแหล่งโบราณคดีบ้านอ้อมแก้ว และมีพื้นที่กันชนครอบคลุมเขตเทศบาลตำบลบ้านเชียงทั้งหมด โดยแหล่งโบราณคดีบ้านเชียงเป็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมลำดับที่ 359 ของโลกและแหล่งที่ 3 ของประเทศไทย
ทั้งนี้ ในปี 2562 กรมศิลปากร ได้รับจัดสรรงบประมาณเพื่อก่อสร้างอาคารศูนย์วิจัยโบราณคดีบ้านเชียง เพื่อเก็บรักษาและรวบรวมโบราณวัตถุในวัฒนธรรมบ้านเชียงและโบราณวัตถุยุคก่อนประวัติศาสตร์ร่วมสมัยกับวัฒนธรรมบ้านเชียงในพื้นที่ภาคอีสานตอนบน รวมทั้งเป็นสถานที่สำหรับให้บริการศึกษาวิจัยองค์ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมบ้านเชียง โดยรูปแบบอาคาร อาคารคอนกรีต 2 ชั้น ซึ่งเป็นอาคารหลังแรกของกรมศิลปากรที่มีการนำระบบโซลาร์เซลล์มาใช้เพื่อประหยัดพลังงาน และระบบรักษาความปลอดภัย มีระบบตรวจจับควันและความร้อน ระบบดับเพลิง ระบบกล้องวงจรปิด
สำหรับพื้นที่ชั้นล่าง เป็นห้องสมุด/ศูนย์บริการข้อมูล ส่วนปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ คลังเปิดเก็บรักษาและจัดแสดงเพื่อการศึกษาโบราณวัตถุ ส่วนจัดนิทรรศการ จัดแสดงเรื่องภาชนะดินเผา ได้แก่ รูปแบบรูปทรงภาชนะ รูปแบบการตกแต่ง ตามการแบ่งสมัยของวัฒนธรรมบ้านเชียง และสามารถปรับเปลี่ยนหมุนเวียนเป็นเรื่องอื่น ๆ ได้ในอนาคต และชั้นบน เป็นส่วนคลัง ห้องบริการนักวิจัย ห้องปฏิบัติงานสงวนรักษาเบื้องต้น
นางสาวสุดาวรรณ กล่าวว่า ในปี 2568 กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมศิลปากรมุ่งเน้นการบูรณะและพัฒนาโบราณสถานและแหล่งโบราณคดี เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศทางวัฒนธรรม ยกระดับการบริการของพิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์ ทุกแห่ง ส่งเสริมและสร้างสรรค์ทุนทางวัฒนธรรมให้เป็นทุนทางเศรษฐกิจ ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ส่งเสริมเศรษฐกิจของชาติให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยจะพยายามผลักดันให้เกิดแหล่งมรดกโลกแห่งใหม่อย่างต่อเนื่อง อาทิ การผลักดันวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดนครศรีธรรมราช และการเสนอแหล่งสงขลาและชุมชนที่เกี่ยวเนื่องริมทะเลสาบสงขลา จังหวัดสงขลา เพื่อเสนอขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตามนโยบายมีแหล่งมรดกโลกให้ครบทุกภูมิภาคของประเทศไทย รวมทั้งเร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนมรดกทางวัฒนธรรมในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศและระดับโลก