หลังจาก ดีเจแมน และ ใบเตย อาร์สยาม ออกมาเปิดเผยเรื่องราวถูกดาราด้วยกันตบทรัพย์คนละ 7 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือทางคดี
3 มี.ค.2568 นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ ฟิล์ม รัฐภูมิ ดารานักแสดง เปิดเผยว่า ขอย้ำอีกครั้ง "ไม่เป็นความจริง ไม่มีอะไร" การที่ออกมาให้ข่าวมั่ว คุณก็ต้องรับผลกรรมแค่นั้นเอง เพราะถ้าเป็นความจริงป่านนี้ใบเตยคงออกมาพูดแล้ว ส่วนจะมีการฟ้องดำเนินคดีหรือไม่ เดี๋ยวขอดูอีกที เพราะหลังๆมาเขาก็โอเคไม่ได้อะไร ก็พร้อมที่จะให้อภัยเพราะยังไงก็เป็นพี่น้องกัน แต่ว่าอะไรที่มันเกินเลยไปเตือนเสมอว่าก็ต้องรับผลการตรงนั้น
นายรัฐภูมิ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเห็นว่าตัวเองไม่พูดไม่ตอบโต้อะไร ก็ต้องมารังแกไม่เข้าใจว่า คุณบอกว่า อยากสงบแต่ไม่หยุดสักที บอกว่าไม่ได้ติดใจอะไรกับตนเอง แต่ก็มาโจมตีผมทั้งๆที่ตนไม่เคยทำอะไรใคร วันหนึ่งความจริงมันจะปรากฏ เพราะวันนี้ตนกับอาจารย์ประมาณ ก็วิ่งหาความจริงกันอยู่และส่งทุกความจริงให้ทุกหน่วยงานดูหมดแล้ว เห็นตนเงียบๆไม่ใช่ตนอยู่เฉยๆ ตนเอาทุกหลักฐานส่งให้ทุกหน่วยงานดูหมดแล้ว เอาเป็นว่า รอวันนั้นที่ความจริงปรากฏจะมีใครที่เห็นใจตน โดนแบบนี้มาตั้งแต่เด็กและเมื่อเวลา 1 ปี หรือ 2 ปี เพิ่งจะมาเห็นใจตัวเอง แต่ก็ไม่เป็นไร อดทนรอได้ เอาเป็นว่ารอวันนั้นที่ความจริงมันปรากฏยังไงก็เห็นใจตน พ่อแม่ตนและสิ่งที่ตนโดนด้วยแค่นั้นเอง
ขณะที่นายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ทนายความชื่อดัง กล่าวเพิ่มเติมว่า คดีที่ฟ้องหนุ่ม กรรชัย และ อี้ แทนคุณ ได้มีการยื่นฟ้องเองและศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในเดือนถัดไป (เม.ย.) ถ้าเขาจะฟ้องกลับ ก็ไม่สนใจ ฟ้องกลับก็ไปว่ากันในศาลว่า อะไรคือความผิด อะไรคือความจริง ถ้าเป็นความเท็จก็จะโทษหนักขึ้นไปอีกก็ช่วยกันไม่ได้เตือนกันแล้ว อยากจะลองก็ได้ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่นักกฎหมายแต่รู้ดีเหลือเกิน
ทั้งนี้วันนี้ ฟิล์ม รัฐภูมิ และ ทนายประมาณ เดินทางมาที่ศาลอาญามีนบุรี ในฐานะพยาน ในคดีที่ผู้เสียหายยื่นฟ้องคดีเกี่ยวกับการลงทุนคริปโต
นายประมาณ กล่าวว่า วันนี้ ฟิล์ม มาในฐานะพยานตามหมายเรียกของศาล โดยเรื่องนี้ฟิล์ม ให้ข้อมูลว่า เข้าไปเกี่ยวข้อง เฉพาะเรื่องของการถูกเชิญไปเป็นวิทยากร พูดเรื่อง blockchain และในวันดังกล่าวไม่ได้มีแค่ ฟิล์มคนเดียว ยังมีผู้เชี่ยวชาญอีกจำนวนมาก ยืนยันว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเขา ไม่ได้เกี่ยวข้องกับลงทุนของโจทก์ทั้งหมด ที่ซึ่ง บริษัท ส. เข้าไปดำเนินการ อะไรต่างๆฟิล์มก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
นายรัฐภูมิ กล่าวเพิ่มเติมว่าคดีนี้ตนเข้าไปเป็นวิทยากร และทำโฆษณาให้เขาเท่านั้น เพราะ ตนเองมีความรู้เรื่อง บล็อกเชน เคยเป็นอาจารย์สอนเรื่องการตลาด และการที่ตนเองถูกเชิญ ไปเป็นวิทยากรพูดเรื่องพวกนี้ เขาคิดว่าตนไปมีรูปกับบริษัทไหน หากมีสัก 10 บริษัทที่เขามีคดีความกันอยู่ เขาก็เอาทั้ง 10 มาพูดเพื่อดิสเครดิต ตนเอง คิดว่าการกระทำแบบนี้ มันไม่ค่อยแฟร์ พร้อมยืนยันว่าตนเองไม่เคยกังวลใจเลยแม้สักคดี เพราะตนเองไม่ใช่คนที่จะไปทำแบบที่เขาพูดกันและตั้งแต่ ตนเองเป็นฟิล์มรัฐภูมิ ก็ไม่เคยทำอะไรผิดกฎหมายเลย ตนเองเคารพกฎหมายและอยู่กับประชาชนมานานจะเอาตัวเองไปทำผิดทำไม แต่สิ่งที่เขาพูดพยายามยึดเครดิตเราคือไม่ถูกต้อง