สูตรคำนวณเงินบำนาญชราภาพ ประกันสังคมใหม่ แบบเข้าใจง่าย
Thansettakij March 12, 2025 09:36 AM

บอร์ดประกันสังคมมีมติเอกฉันท์เห็นชอบการปรับสูตรคำนวณเงินบำนาญชราภาพแบบใหม่ตามแบบ CARE ที่จะสร้างความเป็นธรรมให้ผู้ประกันตน มาตรา 33 และมาตรา 39 โดยจะเริ่มใช้พร้อมกับการปรับเพดานค่าจ้างในเดือนมกราคม 2569

บอร์ดประกันสังคมไฟเขียวสูตรบำนาญใหม่

เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 คณะกรรมการประกันสังคมได้มีมติเห็นชอบในหลักการปรับสูตรคำนวณบำนาญชราภาพแบบใหม่ตามสูตร CARE หลังจากที่ได้มีการศึกษาและผลักดันมาตั้งแต่ปี 2563

ขั้นตอนต่อไปคือการทำประชาพิจารณ์เพื่อแก้ไขกฎหมายภายใน 30 วัน และคาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน โดยสูตรบำนาญใหม่จะเริ่มใช้พร้อมกับการปรับเพดานค่าจ้างในวันที่ 1 มกราคม 2569

 

สูตรบำนาญชราภาพแบบใหม่ CARE คืออะไร?

CARE (Career-Average Revalued Earnings) หรือ "เฉลี่ยตลอดการทำงาน ปรับเป็นค่าเงินปัจจุบัน" มีหลักการสำคัญ 3 ประการ

1. คิดค่าจ้างทุกเดือนที่เคยส่งสมทบ ไม่ใช่แค่ 60 เดือนสุดท้ายเหมือนสูตรเดิม

2. ปรับค่าจ้างในอดีตให้เป็นค่าเงินปัจจุบัน โดยคำนึงถึงอัตราเงินเฟ้อ

3. เน้นหลักการ "ส่งมากได้มาก ส่งน้อยได้ตามสัดส่วนจริง"

การปรับสูตรคำนวณบำนาญเป็นการเฉลี่ยตลอดอายุและปรับฐานเงินเดือนตามที่ได้เสนอไป จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกันตนทั้งมาตรา 33 และมาตรา 39 โดยเฉพาะส่วนที่ได้รับผลกระทบเรื่องค่าจ้างในช่วงท้ายของการส่งสมทบ

วิธีคำนวณบำนาญชราภาพแบบ CARE

สูตรพื้นฐานในการคำนวณมีดังนี้:

ขั้นตอนที่ 1: คำนวณเงินเดือนเฉลี่ยที่ส่งจริงตลอดอายุการทำงาน (ทั้งมาตรา 33 และมาตรา 39)

ขั้นตอนที่ 2: ปรับค่าเงินเดือนในอดีตให้เป็นมูลค่าปัจจุบัน

ขั้นตอนที่ 3: คำนวณเงินบำนาญพื้นฐาน = 20% × ฐานเงินเดือนเฉลี่ยที่ปรับแล้ว

ขั้นตอนที่ 4: คำนวณเงินบำนาญเพิ่มเติม = จำนวนปีที่ส่งเกิน 15 ปี × 1.5% × ฐานเงินเดือนเฉลี่ยที่ปรับแล้ว

ขั้นตอนที่ 5: เงินบำนาญรวม = เงินบำนาญพื้นฐาน + เงินบำนาญเพิ่มเติม

 

ตัวอย่างการคำนวณบำนาญชราภาพแบบใหม่

ตัวอย่างผู้ประกันตนส่งเงินสมทบมาตรา 33 เป็นเวลา 15 ปี และส่งต่อมาตรา 39 อีก 10 ปี

สูตรเดิม:

  • เงินบำนาญพื้นฐาน: 20% × 4,800 = 960 บาท
  • เงินบำนาญเพิ่มเติม: 10 ปี × 1.5% × 4,800 = 720 บาท
  • เงินบำนาญรวม: 960 + 720 = 1,680 บาท

สูตรใหม่ (CARE):

1. สมมติว่าเงินเดือนเฉลี่ยที่ปรับเป็นมูลค่าปัจจุบันแล้วเท่ากับ 12,000 บาท

2. เงินบำนาญพื้นฐาน: 20% × 12,000 = 2,400 บาท

3. เงินบำนาญเพิ่มเติม: 10 ปี × 1.5% × 12,000 = 1,800 บาท

4. เงินบำนาญรวม: 2,400 + 1,800 = 4,200 บาท

จากตัวอย่างจะเห็นว่า ผู้ประกันตนรายนี้จะได้รับเงินบำนาญเพิ่มขึ้นจาก 1,680 บาท เป็นประมาณ 4,200 บาท ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 2.5 เท่า

ผลประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นตามระยะเวลาการส่งเงินสมทบในมาตรา 39

สำหรับผู้ที่เคยส่งเงินสมทบในมาตรา 33 เป็นเวลา 15 ปี และต่อมาเปลี่ยนเป็นมาตรา 39 จะเห็นผลประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นตามระยะเวลาการส่งต่อดังนี้:

ส่งต่อ 1 ปี – สูตรเดิมจะได้รับ 2,786 บาท สูตรใหม่จะได้รับ 3,088 บาท (เพิ่มขึ้น 11%)

ส่งต่อ 3 ปี – สูตรเดิมจะได้รับ 2,176 บาท สูตรใหม่จะได้รับ 3,259 บาท (เพิ่มขึ้น 50%)

ส่งต่อ 5 ปี – สูตรเดิมจะได้รับ 1,320 บาท สูตรใหม่จะได้รับ 3,417 บาท (เพิ่มขึ้น 159%)

จะเห็นได้ว่า ยิ่งส่งมาตรา 39 นานเท่าไร ยิ่งได้ประโยชน์จากสูตรใหม่มากขึ้นเท่านั้น

การบังคับใช้สูตรใหม่

การบังคับใช้สูตรใหม่จะเริ่มในเดือนมกราคม 2569 พร้อมกับการปรับเพดานค่าจ้าง โดยคาดว่าจะมีผู้ประกันตนได้รับประโยชน์ปีละประมาณ 100,000 คน จากทั้งหมดที่มีผู้ประกันตนจำนวน 800,000 คน

ผู้ที่รับบำนาญอยู่แล้ว หากคำนวณด้วยสูตรใหม่แล้วได้น้อยกว่าเดิม จะยังคงได้รับเท่าเดิม ส่วนผู้ที่คำนวณแล้วได้รับเพิ่มขึ้นก็จะได้รับบำนาญเพิ่มขึ้นทันที ซึ่งจะสร้างความเป็นธรรมมากขึ้นกับผู้ประกันตนทั้งมาตรา 33 และมาตรา 39

การนับเวลาส่งเงินสมทบแบบใหม่

ในสูตรใหม่มีการนับเวลาส่งเงินสมทบที่แตกต่างจากเดิม คือ:

  • สูตรเดิม: นับเป็นปี โดย 15 ปี 11 เดือน จะนับเป็น 15 ปีเท่านั้น
  • สูตรใหม่: นับเศษเดือนด้วย เช่น 25 ปี 6 เดือน จะได้อัตราบำนาญ 35.75% (ไม่ใช่แค่ 35%)
© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.