เมื่อเวลา 09.40 น. วันที่ 10 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ในช่วงเดือนรอมฎอน ว่า ขณะนี้ทางผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต ทางผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 3 จังหวัด และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ในเรื่องของการเยียวยาดูแลครอบครัวอย่างใกล้ชิด
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ถูกพุ่งเป้าไปที่อาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) นายอนุทิน ระบุว่า ช่วงหลัง ๆ เราพยายามให้ อส. ซึ่งมีความใกล้ชิดกับชาวบ้านดูแลเรื่องต่าง ๆ ในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านนำมาฝึกอบรมให้ทำงานด้านมวลชนและเฝ้าระวังพื้นที่ คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ขึ้น
นายอนุทิน ระบุอีกว่า ขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะลงไปยังพื้นที่ ซึ่งวันนี้จะมีการประชุมผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์ กับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 5 จังหวัดในช่วงบ่ายเพื่อให้กำชับการเฝ้าระวังและป้องกัน ซึ่งในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ดูแลเรื่องงานฝ่ายปกครอง จะต้องไปสนับสนุน และแสวงหาความร่วมมือกับฝ่ายความมั่นคง เพื่อควบคุมสถานการณ์
ส่วนผู้ว่าราชการจังหวัดได้รายงานหรือไม่ ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดจากสาเหตุอะไร หรือมีความเชื่อมโยงกับการเมืองหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ยังไม่ได้วิเคราะห์ถึงขนาดนั้น เนื่องจากช่วงนี้จะรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ผู้ว่าราชการทั้งหมดก็เฝ้าระวังอย่างเต็มที่ และทางกองทัพภาคที่ 4 ได้จัดกำลังลาดตระเวนอยู่ตลอดแต่พื้นที่กว้างใหญ่ไพศาล เวลาก่อเหตุก็ก่อเหตุเป็นจุด ซึ่งก็ต้องมีการเตรียมความพร้อม ก่อนหน้านี้ฝ่าย อส. เอง ก็ได้มีการฝึกซ้อมเพื่อป้องกันตัวเอง แต่ว่าไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะทำร้ายหรือไล่ล่าใครอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเขาต้องป้องกันตัวเองและชาวบ้าน เฝ้าระวังสถานที่ราชการ
นายอนุทิน ระบุอีกว่า หลังจากนี้ต้องมีการวิเคราะห์สถานการณ์ร่วมกัน ซึ่งต้องรอนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ว่าจะสั่งอะไรมา ซึ่งในฝ่ายของส่วนปกครองก็พร้อมที่จะสนับสนุน
ส่วนจะมีการเสนออะไรเพิ่มเติมแก้ไขต้องการแก้ไขแผนยุทธศาสตร์ในภาคใต้หรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า เรื่องการจะทำแผนยุทธศาสตร์ครอบคลุมทุกสถานการณ์อยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยในพื้นที่ ซึ่งเรื่องงานการข่าว ต้องรู้ว่าจะอย่างไรในช่วงเดือนรอมฎอน เนื่องจากในทุกปีมีคนที่คิดแผลง ๆ ก่อให้เกิดเหตุการณ์เป็นความเชื่อส่วนหนึ่งของทางศาสนา ก็ต้องไปทำความเข้าใจ และระมัดระวังให้มากที่สุด คนที่คิดเคราะห์ร้ายทั้งหลายทั้งปวง ก็เห็นว่าเหตุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมทั้งหมด ที่ส่วนใหญ่แสวงบุญอยู่ในช่วงเทศกาลรอมฎอน
“ก็อยากจะขอความร่วมมือประชาชน ว่าไม่น่าจะมีผลดีหรือผลบุญใดๆ ในการมุ่งทำร้ายชีวิตมนุษย์ด้วยกัน ส่วนเป็นเหตุการณ์ที่น่าประณามหรือไม่ ขออย่าเพิ่มความเข้มข้นของเหตุการณ์ เราทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ส่วนไหนมีความจำเป็นที่จะต้องใช้กฎหมาย เราก็ดำเนินการตามลำดับขั้นตามสถานการณ์ แต่ต้องเลี่ยงการใช้ข้อความ หรือถ้อยคำที่ไม่ทำให้เกิดสถานการณ์ดีขึ้น” นายอนุทิน กล่าว