นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่า ภาคการท่องเที่ยวไทยต้องกระตุ้นตลาดทั้งต่างชาติเที่ยวไทย และไทยเที่ยวไทยควบคู่กัน หลังจากผลกระทบของกรณีนักแสดงจีนซิงซิง ยังมีผลกระทบต่อเนื่องทำให้นักท่องเที่ยวชะลอตัวลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน และประเทศที่ใช้ภาษาจีนสื่อสารด้วย รัฐบาลจึงต้องกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศให้มากขึ้นควบคู่กับการฟื้นความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยหนึ่งในมาตรการกระตุ้นไทยเที่ยวไทยที่รัฐบาลประกาศออกมาเบื้องต้นคือ เที่ยวคนละครึ่ง ซึ่งมองว่าอย่างช้าไม่ควรออกมาเกินเดือนพฤษภาคมนี้ หลังจากเด็กๆ เปิดเทอม โดยช่วงเดือนพฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม เป็นต้นไป ถือเป็นช่วงที่เหมาะสมในการออกมาตรการกระตุ้นเดินทางท่องเที่ยว ก่อนจะถึงช่วงปิดเทอมอีกครั้ง จึงอยากให้เร่งออกมาเร็วกว่านี้ จากที่ประกาศเบื้องต้นเป็นเดือนมิถุนายน เพื่อให้ทันช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) ที่การท่องเที่ยวจะชะลอตัวลง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มเห็นการปรับลดลงแล้วหลังผ่านพ้นเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา
“สัดส่วนการจ่ายแบบคนละครึ่งระหว่างรัฐบาลและประชาชน ที่ 50% ถือว่าเป็นระดับที่สร้างความจูงใจได้ดี โดยสิ่งที่รัฐบาลต้องทำควบคู่กันคือ มาตรการกำกับดูแลด้านราคาขายที่ผู้ประกอบการจะต้องไม่ขึ้นราคามากกว่าปกติ ต้องมีความยุติธรรม ไม่ใช่เอาเปรียบในการฉวยโอกาสปรับราคาขึ้นแล้วนำมาลด 50% สุดท้ายประชาชนที่จ่ายเงินเที่ยวก็ไม่ได้รับส่วนลด อีกทั้งการสมทบอีก 50% ของรัฐบาลจะกลายเป็นเงินเพิ่มกำไรให้อีก แบบนี้ไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้องแน่นอน” นายอดิษฐ์ กล่าว
นายอดิษฐ์ กล่าวว่า สำหรับกลุ่มโรงแรมที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ อาจต้องประเมินข้อจำกัดหรือข้อยกเว้นว่าจะมีในส่วนใดได้บ้าง อาทิ เป็นโรงแรมที่มีการเสียภาษีถูกต้อง ดำเนินการถูกต้อง สามารถตรวจสอบได้ มีอายุการเปิดบริการที่เหมาะสม เพราะหากจะเปิดให้โรงแรมทั้งหมดเข้าร่วมโครงการ ทั้งถูกกฎหมายหรือไม่ถูกกฎหมายเข้าร่วมได้หมด แบบนี้จะไม่ยุติธรรมกับผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจแบบถูกกฎหมาย เพราะต้นทุนการบริหารจัดการสูงกว่าอยู่แล้ว แต่หากจะมีการยกเว้นให้กับผู้ประกอบการขนาดเล็ หรือเอสเอ็มอีบางส่วน ต้องมาพิจารณาดูมาตรการที่มีความเหมาะสมในการยกเว้นให้อีกครั้ง