นักข่าวจากเครือมติชนสัมภาษณ์ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานสภา ว่าด้วยการระบุชื่อนายทักษิณ ชินวัตร ในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกฯแพทองธาร ชินวัตร

มีเนื้อหาตรงกับสถานการณ์ที่ยังถกเถียงกันอยู่ จนไม่รู้ว่าจะเกิดการอภิปรายในวันที่ 24 มี.ค. ตามที่กำหนดไว้ได้หรือไม่

ขอนำบางส่วนของบทสัมภาษณ์มาถ่ายทอดไว้ในที่นี้ ผู้สนใจอ่านฉบับเต็มได้ในมติชนออนไลน์

เนื้อความมีดังนี้ การตีกลับญัตติเพื่อให้แก้ไขตัดชื่อนายทักษิณออกนั้น เป็นไปตามข้อบังคับการประชุมสภาที่
175-177

ญัตติมีข้อบกพร่อง เพราะมีชื่อบุคคลภายนอกอยู่ในญัตติ

การเสนอญัตติหรืออภิปรายในสภา ไม่ควรเอ่ยชื่อบุคคลภายนอกโดยไม่จำเป็น แต่มีการเขียนชื่อนายทักษิณลงไปในญัตติ ทั้งที่เป็นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี

เมื่อประธานให้แก้ไข ผู้เสนอญัตติก็ต้องรับไปแก้ไข ประธานไม่มีสิทธิแก้ไขได้ เรื่องนี้เคยทำมาแล้วเมื่อปี 2545 สมัย นายอุทัย พิมพ์ใจชน เป็นประธานสภา นายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ฝ่ายค้านขณะนั้น เสนอญัตติ

นายอุทัยเห็นว่ามีข้อบกพร่อง นายชวนจึงรับมาและแจ้งกลับว่า แม้นายชวนและคณะเห็นว่าญัตติไม่ได้บกพร่อง แต่เพื่อให้ความร่วมมือตามที่ประธานสภาขอมา และเพื่อให้การประชุมดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย ฝ่ายค้านจึงแก้ไขเนื้อหาญัตติบางส่วน พรรคประชาธิปัตย์ตอนนั้นเป็นพรรคใหญ่ ไม่ใช่ง่ายๆ ต้องประชุม ขอมติพรรค

สมมุติตัดชื่อนายทักษิณออก แต่ตอนอภิปราย มีวิธีการอภิปรายได้ แต่ถ้าใส่ชื่อ 1.ข้อบังคับไม่สามารถทำได้ และที่บอกว่าจะรับผิดชอบเองนั้น รับผิดชอบในส่วนของพรรค แต่ถ้าบรรจุวาระเป็นอำนาจของประธานสภา ถามว่าใครรับผิดชอบ ก็คือประธานสภา ไม่ได้กลัวเรื่องฟ้องร้อง แต่ถ้ารู้ทั้งรู้ แต่ยังทำ ก็ใช้ไม่ได้สิ

2.ถ้าบรรจุญัตติและมีการประชุม แน่นอนว่า ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล คงจะมีการประท้วง ก็จะเกิดความวุ่นวาย
ผมไม่เชื่อว่าฝ่ายรัฐบาลจะยอมง่ายๆ อีกทั้งยังผิดข้อบังคับ ถ้าประธานยังทำต่อไป จะเป็นประธานได้ยังไง

ที่โต้แย้งกันมาก คือประธานสภามีอำนาจในการแก้ไขญัตติได้หรือไม่ ประธานสภาไม่มีสิทธิแก้ไขญัตติ แต่มีหน้าที่ในการบรรจุวาระหรือไม่บรรจุ และสามารถสั่งให้แก้ไขญัตติได้หากประธานพบว่ามีข้อบกพร่อง

อีกประเด็นที่ระบุว่า ทำไมญัตติทั่วไปถึงใส่ชื่อบุคคลอื่นได้นั้น เพราะมันคนละญัตติ การใส่ชื่อบุคคลอื่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องในญัตติไม่ได้มีข้อห้ามอะไร

แต่ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เชิญคนนอกเข้ามาชี้แจงไม่ได้ และในการอภิปรายฝ่ายค้านเป็นคนซักถาม นายกฯ และรัฐมนตรีเป็นผู้ตอบเท่านั้น ใครตอบแทนไม่ได้ และต้องมีการลงคะแนนไม่ไว้วางใจ ซึ่ง ส.ส.เป็นผู้ลงคะแนน ถ้าคะแนนไม่พอรัฐมนตรีก็ต้องพ้นทั้งคณะ ซึ่งมันคนละประเด็นกับการตั้ง กมธ.อย่างสิ้นเชิง

บทสัมภาษณ์นี้ ทำให้เห็นปัญหาจากมุมของประธานสภา เห็นอำนาจหน้าที่ของประธานฯ แต่มองจากมุมของฝ่ายค้าน ก็จะเป็นอีกเรื่อง

จะจบตรงไหน ก็แล้วแต่ว่า จะมีใครยอมถอยหรือไม่

หรือจะต้องไปไกลกว่านั้น

วรศักดิ์ ประยูรศุข