เทพไท เตือน วันนอร์ อย่าวินิจฉัยอัปยศ ปมเปลี่ยนชื่อ ทักษิณ เป็นคนในครอบครัว ชี้ประเพณีปฏิบัติที่ผ่านมา มีการอภิปรายถึงบุคคลภายนอกได้
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความเห็นจากกรณีที่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หรือ เท้ง สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ขีดฆ่าชื่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และคำว่า “ผู้เป็นบิดา” ออก แล้วเปลี่ยนเป็น “บุคคลในครอบครัว” ในญัตติซักฟอก น.ส.แพทองธาร ชินวัตรนั้น
โดยนายเทพไท ระบุว่า “เปลี่ยนชื่อแล้ว อย่าวินิจฉัยอัปยศ
เมื่อนาย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ยอมลบชื่อนายทักษิณ ชินวัตร ออกจากญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยใช้คำว่า“บุคคลในครอบครัว”แทน ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของพรรคประชาชน ที่ต้องการให้การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เดินหน้าต่อไปได้
ผมเห็นว่าการใช้คำว่า“บุคคลในครอบครัว”เข้าไปแทนที่ชื่อนายทักษิณนั้น ทำให้ความหมายของบุคคลที่เข้ามาแทรกแซงครอบงำ บงการนางสาวแพทองธาร มีจำนวนมากขึ้น จากเดิมที่มีเพียงนายทักษิณเพียงคนเดียว ซึ่งฝ่ายค้านสามารถอภิปรายถึงบุคคลอื่นๆในครอบครัวชินวัตรได้ทุกคน ซึ่งก่อนการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตามญัตติ ขอเสนอให้พรรคฝ่ายค้านไปพูดคุยขอบเขตการอภิปรายว่า สามารถพูดถึงพฤติกรรมของบุคคลในครอบครัวชินวัตรได้แค่ไหน โดยองครักษ์หรือส.ส.พรรคเพื่อไทยต้องไม่ประท้วง และพรรคฝ่ายค้านต้องอธิบายให้ได้ว่า บุคคลที่กล่าวถึงนั้น เป็นบุคคลในครอบครัวชินวัตรตามญัตติที่เสนอ
ส่วนคำว่า สทร. หรือเสือกทุกเรื่อง ซึ่งเป็นคำที่นายทักษิณแต่งตั้งให้กับตัวเอง และคำนี้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เห็นชอบในเบื้องต้นแล้วว่า สามารถบรรจุในญัตติได้ แสดงว่าสามารถใช้คำนี้ประกอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาผู้แทนราษฎรได้เช่นกัน ส.ส.พรรคเพื่อไทยและองครักษ์ต้องไม่ประท้วงว่า ผิดข้อบังคับการประชุม ใช้คำไม่สุภาพ หรือใช้คำเสียดสี เพราะนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ได้ยืนยันแล้วว่า เป็นคำที่ใช้ในญัตติได้ ก็แสดงว่าสามารถนำมาอภิปรายได้เช่นกัน”
อยากให้ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ตั้งหลัก และดูขอบเขตการอภิปรายถึงบุคคลภายนอกว่า ทำได้แค่ไหน โดยประเพณีปฏิบัติที่ผ่านมา มีการอภิปรายถึงบุคคลภายนอกหลายครั้ง ก็สามารถทำได้ เช่นการอภิปรายไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีส.ส.พรรคเพื่อไทยได้อภิปรายพาดพิงถึงบิดาของพลเอกประยุทธ์ด้วยซ้ำไป แต่ประธานที่ประชุมก็อนุญาตให้อภิปรายได้ โดยไม่มีใครประท้วงหรือขัดขวางแต่อย่างใด ทั้งที่เป็นบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองเลย เมื่อเปรียบเทียบกับนายทักษิณที่เป็นบุคคลที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลอย่างแยกกันไม่ได้ เป็นที่รับรู้ของประชาชนทั่วทั้งประเทศ
แต่ถ้าประธานที่ประชุมจะตีมึน วินิจฉัยว่าเป็นบุคคลภายนอกที่ไม่เกี่ยวกับรัฐบาลชุดนี้ ห้ามอภิปรายถึง จะเป็นคำวินิจฉัยที่อัปยศที่สุด”
ข่าวล่าสุด