น้ำหอมทวงคืนเทพีเสรีภาพ
GH News March 18, 2025 06:12 PM

ต้องยอมรับว่า สันติภาพยูเครนในการยุติสงครามการสู้รบระหว่างรัสเซียกับยูเครน มิใช่เรื่องที่จะได้มาอย่างง่ายๆ

เพราะมีไซด์เอฟเฟ็กต์ อาการข้างเคียง ที่พาลจะทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างฟากฝ่ายต่างๆ ประกบคู่เคียงกันมา

ไม่ว่าจะเป็นระหว่างฝ่ายสนับสนุนรัสเซีย เช่น จีน อิหร่าน เกาหลีเหนือ กับฝั่งสนับสนุนยูเครน อันได้แก่ เหล่าชาติตะวันตกที่นำโดยสหรัฐอเมริกา ที่ต่างก็ประจันหน้าระหว่างกัน ซึ่งก็ต้องถือว่า เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับการแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นสองขั้วค่าย

ทว่า หลังการมาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ที่แม้มาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ต่อจากนายโจ ไบเดน แต่ปรากฏว่า เขาไม่รับ “ไม้ต่อ” จากอดีตประธานาธิบดีไบเดน ในหลายประเด็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเด็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน ปรากฏว่า เกิดวิวาทะขัดแย้งในฝั่งของเหล่าประเทศที่สนับสนุนยูเครนอันมีมาแต่เก่าก่อน

ภายหลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ส่งสัญญาณท่าทีมาตั้งแต่ในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งก่อนหน้านั้นแล้วว่า จะพยายามทำให้สงครามรัสเซีย-ยูเครนยุติโดยเร็ว อันมีความหมายว่า จะไม่สนับสนุนยูเครนในการทำสงครามต่อต้านรัสเซียเหมือนเฉกเช่นแต่ก่อนแล้วนั่นเอง

พร้อมกันนั้น รัฐบาลทางการสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ ก็แสดงท่าทีเป็นมิตรกับรัสเซีย ประเทศผู้ก่อสงคราม และหลายชาติในยุโรปก็เห็นว่า เป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงของพวกเขาอีกด้วยต่างหาก

โดยฉากสำคัญที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า สหรัฐฯ ยุคประธานาธิบดีทรัมป์ครองเมือง จะไม่ส่งเสริมสนับสนุนยูเครนในการทำสงครามต่อต้านรัสเซียอีกต่อไป ก็คือ ฉากการฟาดฝีปากวิวาทะระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์ กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ซึ่งยังมีรองประธานาธิบดีเจดี แวนซ์ แห่งสหรัฐฯ มาร่วมแจมภายในห้องทำงานรูปไข่ ของทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐฯ เมื่อช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ชนิดที่ช็อกโลกไปตามๆ กัน เพราะใครๆ ก็ไม่คาดคิดว่า จะได้เห็นฉากที่ฟาดฝีปากกันอย่างดุเดือดของคนระดับผู้นำทั้งสองฝ่ายเกิดขึ้น ในสถานที่ที่ได้ชื่อ ทรงอิทธิพลพลานุภาพที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอย่างทำเนียบขาว

การปะทะคารมอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กับประธานาธิบดีโลโลดิมีร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ในห้องทำงานรูปไข่ ทำเนียบขาว กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐฯ เมื่อช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา (Photo : AFP)

นอกเหนือจากการที่มีส่งคณะตัวแทนของทั้งสองฝ่าย คือ สหรัฐฯ และรัสเซีย เจรจาเพื่อรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกันที่ซาอุดีอาระเบียด้วย

สร้างความไม่พอใจให้แก่บรรดาผู้นำ ตลอดจนนักการเมืองของฟากฝ่ายชาติตะวันตกเป็นอย่างมาก พร้อมกับแสดงปฏิกริยาเป็นประการต่างๆ เช่น บ้างการให้คำมั่นว่าจะช่วยเหลือทางการทหารแก่ยูเครนต่อไปแม้ไม่มีสหรัฐฯ ก็ตาม เป็นต้น

ล่าสุด ก็เป็น “สมาชิกสภายุโรปจากประเทศฝรั่งเศส” อย่าง “นายราฟาแอล กลุกส์มานน์” จาก “พรรคจตุรัสสาธารณะ” (Place Publique = Public Square) ซึ่งมีแนวนโยบายซ้ายกลาง ได้ออกมาเปิดศึกวิวาทะกับสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยถึงขั้นเอ่ยปากทวงคืน “อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ (Statue of Liberty)” จากสหรัฐฯ ให้ส่งกลับคืนฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้มอบให้

นายราฟาแอล กลุกส์มานน์ ขณะกล่าวทวงคืนอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ ในที่ประชุมพรรคจตุรัสสาธารณะ กรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส (Photo : AFP)

ทั้งนี้ การเอ่ยปากคืนข้างต้น มีขึ้นในระหว่างที่นายกลุกส์มานน์ กล่าวในที่ประชุมพรรคจตุรัสสาธารณะ กรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา

พร้อมกันนี้ นายกลุกส์มานน์ ยังอ้างถึงเหตุผลขออนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพคืนกลับมาสู่ฝรั่งเศสด้วยว่า เพราะประธานาธิบดีทรัมป์ ไปยืนอยู่ข้าง “เผด็จการทรราชย์ (Tyrants)” ซึ่ง “เผด็จการทรราชย์” ที่ว่านี้ ก็หมายถึง ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ซึ่งเป็นผู้สั่งการให้กองทัพรัสเซียกรีธาพลเข้ามารุกรานยูเครน เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 (พ.ศ. 2565) นั่นเอง

โดยนายกลุกส์มานน์ ยังกล่าวด้วยว่า “เรากำลังบอกกับชาวอเมริกันว่า ผู้ที่เลือกข้างเผด็จการทรราชย์ พวกที่ไล่ออกนักวิจัยที่เรียกร้องเสรีภาพทางวิทยาศาสตร์ จงมอบเทพีเสรีภาพคืนมาให้เรา”

หุ่นจำลองตกแต่งล้อเลียนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ (Photo : AFP)

นอกจาก “อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ” ที่ทวงคืนแล้ว สมาชิกสภายุโรปชาวฝรั่งเศสรายนี้ ยังเอ่ยปากขอรับบรรดาคณะนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ ที่ถูกทางการสหรัฐฯ ของประธานาธิบดีทรัมป์ไล่ออกให้ส่งมายังประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย โดยระบุว่า ฝรั่งเศสยินดีต้อนรับบรรดาคณะนักวิจัย และนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกไล่ออกมาเหล่านี้ทุกคน

ก็คงต้อรอคำตอบจากประธานาธิบดีทรัมป์ และบรรดาพลพรรคของทางการสหรัฐฯ ว่าจะตอบโต้กันอย่างไร

ว่ากันถึง “อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ” นั้น เป็นผลงานของศิลปินชาวฝรั่งเศส โดยผู้ออกแบบประติมากรรม คือ “นายเฟรเดอริก ออกุสต์ บาร์โธลดี” และสร้างด้วยโลหะสำริดโดยฝีมือของ “นายกุสตาฟ ไอเฟล” ผู้ออกแบบหอไอเฟลในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ก่อนที่ทางการฝรั่งเศสก็มอบให้เป็นของขวัญแก่สหรัฐฯ เนื่องในวาระเฉลิมฉลองครบรอบหนึ่งศตวรรษ หรือ 100 ปี ใน “การประกาศอิสรภาพของสหรัฐอเมริกา” เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม อันเป็นวันชาติสหรัฐฯ ในปี ค.ศ. 1876 (พ.ศ. 2419) และนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1886 (พ.ศ. 2429) หรืออีก 10 ปีหลังจากนั้นที่ฝรั่งเศสส่งมอบให้อย่างเป็นทางการ “อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ” ก็ได้ยื่นตระหง่านบนเกาะลิเบอร์ตี อ่าวนิวยอร์ก มหานครนิวยอร์ก รัฐนิวยอร์ก ของสหรัฐฯ ในฐานะเป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพและดวงประทีปสำหรับคนเข้าเมืองมายังสหรัฐฯ ที่กำลังแสวงหาชีวิตใหม่ที่ดีกว่าเดิม

นักท่องเที่ยวสวมมงกุฏทรงเดียวกับเทพีเสรีภาพ ก่อนถ่ายภาพกับอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพเป็นที่ระลึก (Photo : AFP)

ความสำคัญอีกประการหนึ่งของอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพก็คือ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “มรดกโลก” โดย “องค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ” หรือ “ยูเนสโก” เมื่อปี ค.ศ. 1984 (พ.ศ. 2527) แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเข้าชมจำนวนหลายล้านคน จนถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่สำคัญของประเทศสหรัฐฯ

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.