เก็งข้อสอบไม่ไว้วางใจ ศึกแรก นายกฯอิ๊งค์-รัฐบาลข้ามขั้ว
SUB_NUM March 19, 2025 11:41 AM
คอลัมน์ : Politics policy people forum

พรรคฝ่ายค้าน นำโดยพรรคประชาชน เปิดแคมเปญอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร โดยคิกออฟเมื่อ 17 มีนาคม 2568

เล่นใหญ่ ใช้ธีมว่า “ดีลแลกประเทศ” เมื่อช้างสารดีลกัน ประชาชนก็แหลกลาญ โดยพรรคประชาชน ขยายความ “แคมเปญ” ดังกล่าวว่า…

18 เดือนภายใต้รัฐบาลที่ดีลกันบนผลประโยชน์ของชนชั้นนำ เหยียบย่ำเสียงของประชาชน คนไทยต้องสูญเสียไปเท่าไร เพื่อให้คนบางคนได้กลับบ้าน ประเทศเสียหายไปแค่ไหน เพื่อให้ แพทองธาร ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

ดิจิทัลวอลเลตกลายพันธุ์จนจำรูปร่างเดิมไม่ได้ แจกจ่ายไม่ทั่วถึง เศรษฐกิจโตต่ำรั้งท้ายอาเซียน คนไทยตกงานนับแสน ค่าครองชีพสูง ค่าแรงไม่ขึ้นตามสัญญา กองทัพกลายเป็น “เขตทหาร ห้ามเข้า” รัฐบาลพลเรือนแตะต้องไม่ได้ ปฏิรูปกองทัพเป็นเพียงลมปาก แก้รัฐธรรมนูญไร้ความคืบหน้า นักโทษการเมืองติดคุกไม่ได้ประกัน ประเทศไทยถูกประณามเป็นที่อับอายในเวทีโลก

พร้อมทั้งชวนให้คอการเมืองติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 24 มีนาคมนี้ พรรคฝ่ายค้านชิง “ปิดเกมเร็ว” ต่อสาธารณะ

เกมเชือดเฉือนรัฐบาล-ฝ่ายค้าน

ทั้งที่ตามวิธีปฏิบัติ เมื่อฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ วิปรัฐบาล ฝ่ายค้าน และ ครม.ต้องหารือถึงวัน และระยะเวลาที่จะอภิปราย และเป็นข้อตกลงร่วมกัน

ทว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลครั้งนี้ พรรคประชาชน ในฐานะฝ่ายค้าน กับพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำรัฐบาล เดินเกม ชิงไหวชิงพริบกันดุเดือด

ย้อนไปก่อนหน้านี้ มีการปล่อยข่าวว่า บุคคลที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจมีกว่า 10 คน แต่จู่ ๆ พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจพุ่งตรงมาที่นายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว พร้อมกับใส่ “บิดา” นายกฯ ไว้ในญัตติ

ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลเดินเกมบีบให้พรรคฝ่ายค้าน ถอนชื่อ “ทักษิณ” ออกจากญัตติ พร้อมกับให้เวลาอภิปรายแค่เพียงวันเดียว ในวันที่ 24 มีนาคม

ต่อมา ฝ่ายค้านพลิกเกมอีกครั้ง ยอมถอดชื่อ “ทักษิณ” ออกจากญัตติ แลกกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีคนเดียว 30 ชั่วโมง

โดยแก้ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ขีดฆ่าคำว่า “บิดา” (ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) ออกจากญัตติ แล้วเปลี่ยนเป็นถ้อยคำ “บุคคลในครอบครัว” แทนที่

ใจความในญัตติที่ปรับแก้แล้วของพรรคฝ่ายค้าน ตอนหนึ่งระบุว่า “จงใจลอยตัวอยู่เหนือปัญหาและไม่มีความรับผิดชอบต่อตำแหน่งหน้าที่เพียงเพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเอง ครอบครัว และพวกพ้องเป็นตัวตั้ง อยู่เหนือผลประโยชน์ของส่วนรวม”

“นอกจากนี้ ยังสมัครใจยินยอมให้ บุคคลในครอบครัว ชี้นำ ชักใย ให้กระทำการหรืองดเว้นกระทำการอันเป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ประพฤติตนเป็นเสมือนนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิด โดยมีบุคคลในครอบครัวเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจ”

ขณะที่รัฐบาล ยืนยันไม่ถอยเรื่องระยะเวลาที่ให้ฝ่ายค้านอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยอมให้ 23 ชั่วโมง และฝ่ายรัฐบาลชี้แจงอีก 7 ชั่วโมง รวมเป็น 30 ชั่วโมง เท่านั้น

โดยขีดเส้นว่าทุกฝ่ายจะหาข้อยุติในวันพุธ ที่ 19 มีนาคม แต่ยังไม่ทันได้ตกลงกัน ฝ่ายค้านชิงปิดเกม ด้วยการ “เปิดแคมเปญ” อภิปรายไม่ไว้วางใจ “ดีลแลกประเทศ” 24 มีนาคมนี้ทันที

ถอดรหัสปมไม่ไว้วางใจ

อย่างไรก็ตาม ถอดรหัสจากญัตติของฝ่ายค้าน โดยเฉพาะเรื่องที่รัฐบาลจะต้องรับมือศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีการสั่งให้เตรียมรับมือ อาทิ

นโยบายเรือธง แจกเงินดิจิทัลวอลเลต 10,000 บาท ไม่สามารถขับเคลื่อนตามที่หาเสียง เป็นนโยบาย “กลายพันธุ์” จากพายุหมุนทางเศรษฐกิจ แต่กระตุ้น GDP ได้เพียง 3-4 บาท

นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจได้ จีดีพีโตต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เพราะปัญหาขีดความสามารถในการแข่งขัน

นโยบายที่เป็น “เมกะโปรเจ็กต์” ของรัฐบาล เช่น โครงการบ้านเพื่อคนไทย โครงการเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยวอร์รูมรัฐบาลเตรียมข้อมูลการตอบคำถาม หากถูกอภิปรายเรื่องการทุจริตภายในกระทรวงที่พรรคเพื่อไทยดูแล ยังไม่นับการจัดสรรงบประมาณนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ที่มี นายกฯเป็นหัวเรือหลัก ก็มีแนวโน้มสูงที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ

การบริหารราชการแผ่นดิน ที่มี “บุคคลในครอบครัว” เข้ามาเกี่ยวข้อง พร้อมทั้งโยงเป้าใหญ่ เป้าใหญ่โยงกรณีชั้น 14 ซึ่งพรรคเพื่อไทยเตรียมแนวตอบคำถามว่า เรื่องดังกล่าวดำเนินการในยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ปัญหาการส่งชาวอุยกูร์ 40 คน กลับไปยังประเทศจีน ที่ส่งผลให้สภายุโรปลงมติประณามไทย สะเทือนเจรจา FTA และสหรัฐอเมริกาแบนวีซ่าเจ้าหน้าที่ทางการไทย อาจเชื่อมโยงไปถึงการขึ้นภาษีสินค้าไทยที่ส่งออกไปยังสหรัฐ รวมถึงการปล่อยให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ระบาด และการค้ามนุษย์

กรณีมหากาพย์ที่ดินอัลไพน์ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐโฆษณาว่า มีข้อมูลที่จะเขย่ารัฐบาล โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะอภิปรายด้วยตัวเอง

ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล ที่ถูกคาดหมายว่าจะโดนฝ่ายค้านจองกฐิน อย่างพรรคภูมิใจไทย ที่อาจจะโดนเรื่องที่ดินเขากระโดง รวมถึงถูกเจาะโครงการอื่น ๆ หรือปัญหาราคาพลังงาน ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำได้มอบหมายให้แต่ละพรรคทำข้อมูลมาชี้แจง แบบพรรคใครพรรคมัน กระทรวงใครกระทรวงมัน

เช็กความพร้อมพรรคร่วม

ขณะที่ความพร้อมพรรคร่วมรัฐบาล “แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี นัดคุยหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล “วงเล็ก” ก่อนเผชิญหน้าอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในวันที่ 21 มีนาคม

“อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า นายกฯเป็นผู้นัดเมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจมารับประทานอาหารร่วมกัน

คาดว่าครั้งนี้น่าจะเป็นวงเล็กระหว่างหัวหน้าพรรค ไม่มีเลขาธิการพรรคเหมือนครั้งก่อน และตอนนี้ยังไม่รู้ว่ามีอะไรเปลี่ยนบ้าง

ส่วนจะเป็นการนัดรับประทานอาหารเพื่อพูดคุยถึงการเช็กคะแนนเสียงที่พรรคภูมิใจไทยจะยกมือโหวตในวันอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ “อนุทิน” หัวเราะก่อนกล่าวว่า “จะไปถามอะไรแบบนั้น เป็นพรรคร่วมรัฐบาลมันมีกติกาอยู่แล้ว”

“อนุทิน” คาดว่าในการหารือวงเล็กจะมีการนัดพูดคุยว่าจะเตรียมข้อมูลอย่างไร จะคุยกัน ช่วยกันอย่างไร

ไม่กังวลเสียงโหวต

อย่างไรก็ตาม การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลรอบนี้ จำนวนเสียง-จำนวนมือในสภา ไม่อาจทำให้รัฐบาลต้องพ้นไปก่อนเวลาอันควรได้ แต่อาจจะส่งผลต่อคะแนนเสียง “ไว้วางใจนายกฯ” จะออกมาดูไม่ดีหรือไม่ “วิสุทธิ์ ไชยณรุณ” สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายรัฐบาล กล่าวว่า ผมไม่ได้กังวล ความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาลต้องมีเป็นเรื่องธรรมดา แม้แต่ในพรรคผม ผมสารภาพเลย ผมเป็นประธานที่ประชุมพรรค กว่าจะจบแต่ละเรื่องเปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นเต็มที่ มีทั้งฝ่ายเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย สุดท้ายมติพรรคเป็นอย่างไรก็ปฏิบัติตาม

แม้แต่ในพรรคร่วมรัฐบาลมีความคิดเห็นไม่ตรงกันในขณะนั้น แต่อีกระยะหนึ่งเขาก็อาจเปลี่ยนใจได้ บางอย่างก็กลับมาเจรจากันเพื่อประโยชน์ชาติ บ้านเมือง มานั่งคุยกัน ปรึกษาหารือกัน เมื่อเข้าใจก็ไปในทิศทางเดียวกันได้

“ครั้งนี้ไม่กังวล แต่ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์หรอก ทุกครั้งการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจก็มีคนป่วย แอดมิตอยู่ในโรงพยาบาล หายไป 3 เสียง 5 เสียง เป็นเรื่องปกติเกิดขึ้นในสภาอยู่แล้ว”

การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของนายกรัฐมนตรี แพทองธารชินวัตร

เป็นครั้งแรกของพรรคเพื่อไทย หลังจากถูกรัฐประหาร เป็นฝ่ายค้านมายาวนาน และเป็นศึกแรกของรัฐบาลผสมข้ามขั้ว

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.