ที่ปรึกษารมว.ต่างประเทศ นำเอกชนด้านเอไอ ร่วมงาน NVIDIA GTC 2025 ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล
นางสาวชยิกา วงศ์นภาจันทร์ ที่ปรึกษาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะภาคเอกชนไทย เข้าร่วมงาน NVIDIA GTC 2025 ที่เมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ตามคำเชิญของบริษัท NVIDIA ซึ่งเป็นงานประชุมด้านเทคโนโลยีระดับโลกที่สำคัญ และจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้ขยายเครือข่ายธุรกิจ และสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรต่างประเทศ เสริมสร้างความสามารถการแข่งขันด้านเทคโนโลยีขั้นสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับ Startup Ecosystem ของไทย
รวมถึงจะได้ต่อยอด และขยายผลให้กับสถานเอกอัครราชทูต และสถานกงสุลไทยทั่วโลกกว่า 90 แห่ง เพื่อให้ทูตไทย และทีมไทยแลนด์ ได้ใช้นโยบายการทูตเศรษฐกิจเชิงรุก ดึงดูดและชักเชิญนักลงทุนต่างชาติด้าน AI เข้าไปลงทุนในประเทศไทยให้มากขึ้น พร้อมยังได้เข้าร่วมรับฟังวิสัยทัศน์สำคัญของ NVIDIA CEO โดยนาย เจนเซ่น หวง ผู้ก่อตั้งและ CEO NVIDIA ได้นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะทำให้ AI ฉลาดขึ้น เร็วขึ้น และเข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันมากขึ้น เช่น ชิปรุ่นใหม่ Blackwell Ultra Agentic AI และ Physical AI ทั้งนี้ NVIDIA ได้มีการร่วมมือกับเอกชนไทย เสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ในประเทศไทย โดยนำสถาปัตยกรรม AI ชั้นสูงของ NVIDIA มาใช้ เพื่อยกระดับ AI ไทย และร่วมมือกับมหาวิทยาลัย CMKL จัดตั้งสถาบันวิศวกรรมปัญญาประดิษฐ์ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถด้าน AI ของประเทศไทย และสนับสนุนการพัฒนา Sovereign AI หรือ อธิปไตยทางปัญญาประดิษฐ์ของประเทศ
นอกจากนั้น นางสาวชยิกา ร่วมกล่าวเปิดงาน Thai Tech Connect – Business Networking Dinner โดยย้ำว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการผลักดันภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรม Semiconductors และ AI เพราะโลกกำลังก้าวไปข้างหน้า และมีความต้องการเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ ๆ มากขึ้น ไทยจึงต้องก้าวกระโดดให้ทันโลก ด้วยการสร้างกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ และการวางเป้าหมายการเชิญชวนการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมใหม่ พร้อมกับการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล ซึ่งรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้วางนโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อเป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ตั้งแต่นโยบาย Go Cloud First ส่งเสริมให้หน่วยงานภาครัฐใช้ระบบคลาวด์ และให้การบริการดิจิทัลของภาครัฐ รวมถึงสนับสนุนการใช้ Government Data Center and Cloud Service (GDCC) ซึ่งเป็นระบบคลาวด์กลางของภาครัฐ รวมถึง ”นโยบายส่งเสริมการลงทุนด้านดิจิทัล” จากกลุ่มประเทศเป้าหมายดึงดูดการลงทุน ได้แก่ Data Center, การผลิตและออกแบบชิป, เซมิคอนดักเตอร์ โดยจะกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้ AI ในประเทศ ตั้งแต่ด้าน Fintech, Health Care, Business Solution, Agriculture และ Tourism ซึ่ง BOI และ EEC จะให้สิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีนิติบุคคลสูงสุด ไม่เกิน 13 ปีตามเงื่อนไข และสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมแก่ธุรกิจที่มีการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม และลงทุนในพื้นที่ที่กำหนด
นางสาวชยิกา ยังย้ำอีกว่า รัฐบาลยังจะสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการลงทุนของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมดิจิทัลทั้งระบบ และส่งเสริมการพัฒนาทุนมนุษย์ เพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายจากต่างประเทศที่มีความต้องการแรงงานทักษะสูง โดยเฉพาะในด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (STEM) ไม่น้อยกว่า 80,000 คนในปี 2571 และแรงงานที่มีทักษะด้าน AI ไม่น้อยกว่า 50,000 ในปี 2572 ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ประสบความสำเร็จในการดึงดูดบริษัทต่างชาติขนาดใหญ่ให้เข้ามาลงทุน และจัดตั้ง Data Center ได้เป็นจำนวนมาก เช่น AWS Google Microsoft ของสหรัฐ, Huawei, TSI, Tencent, TDSI International และ Tiktok ของจีน รวมถึง Data Center สัญชาติ ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ เพราะประเทศไทยมีปัจจัยการแข่งขันที่ได้เปรียบหลายประการ เช่น ทำเลที่ตั้งศูนย์กลางของภูมิภาค ความเสี่ยงจากภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ต่ำ โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลที่มีความพร้อม และนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐที่ครอบคลุม
ขณะเดียวกัน ยังได้ร่วมกับผู้ประกอบการ Startup และ Venture Capital ชั้นนำไทย หารือร่วมกับ สถาบันการศึกษา และผู้แทนภาคเอกชนไทยที่ประสบความสำเร็จในซิลิคอนวัลเลย์ เพื่อทำความรู้จัก และแลกเปลี่ยนความรู้ ทั้งบริษัท Trillion Sure, บริษัท Ocare Health Hub, บริษัท Crypto City Connext, บริษัท iBOTNOI, บริษัท ViaLink, บริษัท Perceptra, บริษัท Singha Ventures และบริษัท S&J International เป็นต้น