ในยุคที่เศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยความผันผวน การลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investment) กลายเป็นแนวทางที่ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงเพราะศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว แต่ยังเป็นการสนับสนุนธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) องค์กรและนักลงทุนทั่วโลกต่างปรับกลยุทธ์เพื่อให้สอดรับกับแนวทางนี้ และประเทศไทยก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

หนึ่งในเครื่องมือการลงทุนที่ตอบโจทย์เทรนด์ ESG คือ “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน” หรือ ThaiESG ซึ่งได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับมาตรฐานด้านความยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีสูงสุดถึง 300,000 บาท และล่าสุดตามมติ ครม. เห็นชอบให้จัดตั้ง “กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ” หรือ ThaiESGX เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2568 เพื่อรักษาเสถียรภาพตลาดทุนไทยและส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศ โดยให้สิทธิพิเศษทางภาษีเพิ่มอีก นี่จึงเป็นโอกาสที่ไม่เพียงช่วยให้เงินทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังเป็นการสนับสนุนธุรกิจที่ดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

ESG เทรนด์การลงทุนที่ตอบโจทย์โลกยุคใหม่

ThaiESG มีนโยบายลงทุนในสินทรัพย์ที่ได้รับการประเมินว่ามีมาตรฐานด้าน ESG สูง โดยไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) โครงสร้างพอร์ตประกอบไปด้วย หุ้น ESG คุณภาพสูงที่ผ่านการคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือหน่วยงานประเมินอิสระที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล หุ้นเหล่านี้ต้องมีการเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และแนวทางลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ อีกทั้งต้องมีคะแนนธรรมาภิบาลองค์กร (Corporate Governance – CG) ไม่ต่ำกว่า 90 คะแนน

นอกจากสินทรัพย์ที่เป็นหุ้นแล้ว กองทุน ThaiESG ยังมีประเภทที่ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีระดับความเสี่ยงต่ำเพื่อให้ผู้ลงทุนได้เลือกลงทุนให้เหมาะสมกับตนเอง นั่นคือเน้นลงทุนใน ตราสารหนี้และพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน เช่น Green Bond, Sustainability Bond และพันธบัตรรัฐบาล รวมถึง โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) ที่เกี่ยวข้องกับโครงการด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สำนักงาน ก.ล.ต.

สำหรับกองทุน ThaiESGX จะเน้นลงทุนในหุ้นเป็นหลัก โดยกำหนดนโยบายลงทุนในหุ้นกลุ่มความยั่งยืน โดยเฉลี่ยรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 65 ของ NAV

ลดความเสี่ยง พร้อมสร้างโอกาสเติบโตระยะยาว

แม้ว่าตลาดการลงทุนจะเผชิญความไม่แน่นอนจากปัจจัยเศรษฐกิจและนโยบายภาครัฐ การลงทุนในกองทุน ESG อย่าง ThaiESG ช่วยกระจายความเสี่ยงและเสริมสร้างเสถียรภาพให้กับพอร์ตการลงทุน นักวิเคราะห์หลายสำนักระบุว่า บริษัทที่มีการดำเนินงานตามหลัก ESG มักมีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่มั่นคงในระยะยาว เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐ และสามารถปรับตัวได้ดีในภาวะเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลง

นอกจากความมั่นคงด้านการลงทุน นักลงทุนยังได้รับสิทธิลดหย่อนภาษีทั้งจากกองทุน ThaiESG และ ThaiESGX ซึ่งเป็นเครื่องมือบริหารภาษีที่มีประสิทธิภาพ โดยมีเงื่อนไขการถือครองเพียง 5 ปี นับจากวันลงทุน (วันชนวัน)

DCA กลยุทธ์ลงทุนใน ThaiESG ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง นักวิเคราะห์แนะนำให้ใช้กลยุทธ์ DCA (Dollar-Cost Averaging) หรือการทยอยลงทุนเป็นงวด ๆ อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าตลาดจะอยู่ในช่วงขาขึ้นหรือขาลง วิธีนี้ช่วยกระจายต้นทุน ลดความเสี่ยงจากความผันผวน และสร้างวินัยทางการเงิน

ตัวอย่างเช่น หากต้องการลงทุน 300,000 บาท ใน ThaiESG อาจเลือกทยอยลงทุนเดือนละ 25,000 บาท เป็นเวลา 12 เดือน แทนการลงทุนทั้งหมดในครั้งเดียว วิธีนี้ช่วยลดโอกาสขาดทุนหากตลาดปรับฐาน และยังเพิ่มโอกาสได้รับผลตอบแทนอย่างต่อเนื่อง และยังไม่ต้องใช้เงินลงทุนก้อนใหญ่ในทีเดียวอีกด้วย

ThaiESG: ให้เงินทำงาน + ลดภาษี พร้อมสร้างอนาคตที่ยั่งยืน

แม้ว่าตลาดหุ้นจะมีความผันผวน แต่หุ้นที่อยู่ในดัชนี ESG หลายแห่งยังมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง ทำให้ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการสร้างผลตอบแทนระยะยาว ควบคู่ไปกับการสนับสนุนธุรกิจที่ดำเนินงานอย่างมีความรับผิดชอบ

อย่ารอจนถึงสิ้นปี วางแผนภาษีล่วงหน้า และใช้สิทธิลดหย่อนภาษีให้คุ้มค่าที่สุด หากยังลังเลว่าจะเริ่มลงทุนเมื่อไหร่ DCA คือคำตอบ เพียงกำหนดเงินลงทุนรายเดือน ทยอยออมเพื่อกระจายต้นทุน ลดความเสี่ยง และสร้างพอร์ตการลงทุนที่มั่นคง

สนใจศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุน ThaiESG (ที่ปัจจุบันมีกว่า 53 กองทุน) และวิธีใช้สิทธิลดหย่อนภาษี สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ThailandESG.com หรือ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ที่ดูแลถึง 16 แห่ง

ThaiESGX: ตัวช่วยลดหย่อนภาษีเพิ่ม

Thai ESGX เป็นกองทุนที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ในปี 2568 เพื่อสนับสนุนความยั่งยืนของตลาดทุนไทย และช่วยบริหารเงินลงทุนของผู้ลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) โดยให้สิทธิพิเศษทางภาษีเพิ่ม ดังนี้

วงเงินลดหย่อนที่ 1 : สำหรับเงินใหม่ เฉพาะลงทุนในปี 2568

• ลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของรายได้ แต่ไม่เกิน 300,000 บาท
• ต้องซื้อในช่วง 1 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568 เท่านั้น
• ถือไว้อย่างน้อย 5 ปี (วันชนวัน)

วงเงินลดหย่อนที่ 2 : สำหรับผู้ที่ถือครอง LTF ณ วันที่ ครม. มีมติอนุมัติ

• ลดหย่อนภาษีในปี 2568 สูงสุด 300,000 บาท และปีที่ 2-5 สูงสุดปีละ 50,000 บาท
• สับเปลี่ยนหน่วย LTF ไป ThaiESGX ทั้งหมด ในช่วง 1 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2568
• ถือไว้อย่างน้อย 5 ปี (วันชนวัน)

ข้อมูล ThaiESGX เพิ่มเติม : https://www.facebook.com/sec.or.th/posts/pfbid0T933f7FXps5QZjbPpB4dVFiiBnAQYfAAP8FnxNwDhDzXkSUr37vfoqudUUU5vZiNl

ในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เงินของคุณสามารถเป็นมากกว่าเครื่องมือสร้างความมั่งคั่ง แต่ยังเป็นพลังขับเคลื่อนให้ธุรกิจที่มีความรับผิดชอบเติบโต และเป็นฟันเฟืองสำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน

การลงทุนใน ThaiESG และ ThaiESGX ไม่เพียงแค่ให้ผลตอบแทนที่มั่นคง แต่ยังช่วยให้คุณมีบทบาทในการกำหนดอนาคตของเศรษฐกิจและสังคม โลกที่ยั่งยืนเริ่มต้นจากการตัดสินใจลงทุนอย่างมีเป้าหมาย และเวลาที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นก็คือวันนี้