"ประธาน กกต." แจงร่วม "ดีเอสไอ" สอบสวน "คดีฮั้วเลือก สว." ช่วยให้ทำงานคล่องขึ้น   
GH News March 19, 2025 03:12 PM

 

วันที่ 19 มี.ค.2568 โรงแรมรามา​การ์เด้นส์ ​ นายอิทธิพร  บุญประคอง  ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง   ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการตรวจสอบ ทุจริตฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.)   ว่า ตัวเลขการร้องเรียนเรื่องสว.มีทั้งหมด 577 เรื่อง   มีการพิจารณาแล้ว 228 เรื่อง  เสร็จสิ้นแล้ว 82 เรื่อง โดยมี 9 เรื่อง ที่ส่งฟ้องศาลฎีกา    ล่าสุดในการพิจารณาเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยพิจารณาเกี่ยวกับการกระทำความผิดเลือกสว. ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง  สว.ตามมาตรา 77 (1)    โดยระบุถึงการ กระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือก สว.ไม่ว่าจะเป็น การให้  เสนอว่าจะให้  หรือการจัดเลี้ยง มีมติให้ส่งศาลฎีกาพิจารณาอีก 1 เรื่อง ทำให้ตอนนี้เหลือคำร้องที่อยู่ระหว่างการพิจารณา 267 คำร้อง โดยอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของคณะอนุกรรมการวินิจฉัย 107 เรื่อง  ซึ่งคณะกรรมการพยายามทำตาม กรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ 

เมื่อถามว่ากรณีผู้แทนกรมสอบสวนพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ามาร่วมทำงานด้วยจะทำให้การพิจารณาเร็วขึ้นหรือไม่   นายอิทธิพร กล่าวว่า ปกติเรารับเรื่องคำร้อง สว.มาโดยตลอด  และคำร้องที่เกี่ยวพันกับมาตรา 77 (1) หรือเรื่องฮั้ว ซึ่งมี 220 เรื่อง ทาง กกต.ดำเนินการพิจารณาตรวจสอบเอง ทำเสร็จแล้ว 115 เรื่อง  ส่วนกรณีดีเอสไอ ซึ่งกกต.มีมติเมื่อวันที่ 18 มี.ค.ที่ผ่านมา ให้รับเรื่องที่อยู่ในความรับผิดชอบของดีเอสไอ ทางนั้นแจ้งมาว่ามีเรื่องการกระทำฝ่าฝืน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง  สว. ที่ประชุม กกต.จึงมีมติให้รับมาดำเนินการสอบสวน โดยถือว่าเป็นความปรากฏ พร้อมตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน ขึ้นมาอีกคณะหนึ่ง  โดยเชิญผู้แทนดีเอสไอเข้ามาร่วมอีก 3 คน  เชื่อว่าการทำงานร่วมกัน จะสามารถพิจารณาได้โดยไม่ชักช้า 

เมื่อถามว่าตัวแทนจากดีเอสไอ 3 คน เข้ามาร่วมทำงาน  จะเป็นตัวกลางในการสื่อสารระหว่าง 2 หน่วยงาน ใช่หรือไม่ นายอิทธิพร  กล่าวว่า ใช่ เพราะกฎหมายให้อำนาจตามมาตรา 42 ของ  พ.ร.ป.ว่าด้วยกกต. เราสามารถขอให้เจ้าหน้าที่ ของหน่วยงานอื่นมาเป็นหนึ่งในกรรมการ ของคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนได้   โดยกรอบการทำงานทุกเรื่องรวมถึงเรื่องฮั้ว จะมีกรอบการปฏิบัติหน้าที่ว่าควรจะเสร็จเมื่อไหร่  ซึ่งเราเคยมีประกาศออกมาเมื่อปี 2566  เรื่องกำหนดกรอบระยะเวลาในการดำเนินงานกระบวนการยุติธรรม ออกตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการดำเนินการในกระบวนการยุติธรรมที่กำหนดว่า ในการพิจารณาของเจ้าหน้าที่  กกต. จะเริ่มจากคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน ยาวที่สุดไม่เกิน 90 วัน  หลังจากนั้นจะนำเรื่องเข้ามาที่สำนักงาน กกต. ส่วนกลาง  นำโดยเลขาธิการ กกต. ซึ่งจะมีเวลาอีก 60 วัน และไปที่อนุกรรมการวินิจฉัยตรงนี้ก็จะมีเวลาอีก 90 วัน  โดยอาจจะมีการสอบสวนเพิ่มให้โอกาสพยานเข้ามาให้ถ้อยคำ รวมแล้วระยะเวลาทั้งหมดไม่ควรจะเกิน 1 ปี ที่จะต้องเสนอให้ที่ประชุมกกต.พิจารณา

 

© Copyright @2025 LIDEA. All Rights Reserved.